
Leading Through Generation Change
พลิกแนวคิด บริหารความต่างให้ธุรกิจเติบโต
จาก K SME SIERRA โดยธนาคารกสิกรไทย
คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด
คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ อดีต Chief Human Resources Officer (CHRO) บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
วันที่ 18 ก.ย. 2568
ทุกๆ ราว 80 ปี โลกธุรกิจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมและวิถีการทำงานแบบเดิม
คำถามคือ ผู้นำยุคใหม่จะทำอย่างไร เพื่อให้ทีมและองค์กรก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นคงและเติบโตต่อไป?
งาน K SME SIERRA ของธนาคารกสิกรไทย ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายถอดบทเรียนและแชร์แนวทางสำหรับผู้นำในยุคเปลี่ยนผ่าน ภายใต้หัวข้อ Leading Through Generation Change โดยมี คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ อดีต Chief Human Resources Officer (CHRO) บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มาร่วมกันถอดบทเรียนเพื่อ “ไขความลับผู้นำ” ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ผู้บริหารสามารถนำไปปรับใช้ในการบริหารขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
Mindset ที่ดีพาองค์กรก้าวข้ามความท้าทาย
การทำธุรกิจเต็มไปด้วยปัญหาและความท้าทาย แต่สิ่งที่จะกำหนดผลลัพธ์ คือ คุณมองมันอย่างไร บางคนเลือกหนี บางคนเลือกเผชิญและเติบโต คุณรวิศยกตัวอย่างว่า เมื่อทีมเผชิญโปรเจกต์หรือความท้าทายใหม่ มักมีสองแนวคิดหลักจากทีมงานคือ
หนึ่ง มักตอบว่า "ทำไม่ได้ เพราะ..." จากนั้นสมองของคนที่คิดแบบนี้จะหาเหตุผลมารองรับว่าทำไมถึงเป็นไปไม่ได้
สอง "ทำได้ ถ้า..." สมองของคนกลุ่มนี้จะเริ่มค้นหาวิธีการและโอกาสที่ทำให้สำเร็จ
"จุดเริ่มต้นทุกอย่างอยู่ที่ Mindset" และในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำต้องฝึกให้ตัวเองและทีมมีทัศนคติแบบสิงโต เพื่อเปลี่ยน “ความท้าทายให้กลายเป็นโอกาส” คุณรวิศย้ำ


อย่ายึดติดจุดแข็งเก่า บทเรียนจาก BlackBerry
ในโลกธุรกิจ การยึดติดกับความสำเร็จในอดีตอาจกลายเป็นกับดักได้ ผู้นำต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทัน ยกตัวอย่าง BlackBerry ซึ่งเคยเป็นผู้นำตลาดมือถือในยุค 2000 ด้วยยอดขายกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลูกค้าชื่นชอบแป้นพิมพ์ที่พิมพ์เร็วและ BlackBerry Messenger (BBM) ที่ใช้งานง่าย แต่เมื่อ iPhone ปรากฏตัว BlackBerry กลับยึดติดกับจุดแข็งเดิม ไม่กล้าปรับตัวเพราะกลัวเสียฐานลูกค้า ผลลัพธ์คือจากยักษ์ใหญ่ กลายเป็นเพียงความทรงจำในเวลาไม่กี่ปี
“ในองค์กรของคุณยังมีแป้นพิมพ์ BlackBerry อยู่หรือไม่?” นี่คือคำถามจากคุณรวิศ
ฉะนั้นสิ่งที่เคยเป็นจุดแข็ง อาจกลายเป็นจุดอ่อน หากไม่กล้าปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง


สร้างทีมให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 4 ทักษะที่ขาดไม่ได้
เพื่อพาองค์กรฝ่าคลื่นการเปลี่ยนแปลง คุณรวิศแนะนำ 4 ทักษะที่ผู้นำและทีมต้องมี
- Learning Mindset ยกตัวอย่าง Microsoft ในยุคก่อน Satya Nadella มาเป็นผู้บริหารนั้นเต็มไปด้วยวัฒนธรรม “I Know-It-All" ซึ่งทำให้องค์กรหยุดนิ่ง เมื่อ Satya เข้ามาบริหารเปลี่ยนเป็น "We Learn-It-All" Microsoft กลับมาผงาดด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ การเรียนรู้ต้องเริ่มจากผู้นำ
- People Skills มนุษย์มีพลังงานจำกัด อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การเมืองหรืออารมณ์ของผู้อื่น ผู้นำต้องฝึกให้ทีมกล้าออกจาก Comfort Zone เพื่อเข้าสู่ Learning Zone และ Growth Zone การฝึกนี้ต้องเริ่มจากการกล้าทำสิ่งที่ยาก
"ใจ คือสิ่งที่พาเราไปได้ไกลกว่าที่คิด” - Strategic Thinking ผู้นำต้องฝึกมองภาพจากมุมสูง เพื่อเห็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเปลี่ยนโลก ผู้นำต้องฝึกทีมให้คิดเชิงกลยุทธ์และอยู่ในเทรนด์ใหญ่ เพื่อให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืน
- Team Empowerment การสร้างทีมที่แข็งแกร่งเริ่มจากผู้นำที่กล้าฟังความจริง และให้ทีมมีอิสระในการตัดสินใจ สนับสนุนให้ทีมรู้สึกเป็นเจ้าของงาน เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบและความภักดี


จัดการ “ปิรันยา” สร้างทีมที่ใช่
ในทีมบางครั้งคุณอาจเจอ “ปิรันยา” คือ คนเก่งแต่มีพฤติกรรม Toxic ที่คอยสร้างความตึงเครียดและรบกวนการทำงานของทีม หากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งบรรยากาศและผลลัพธ์ขององค์กร
เพื่อแก้ปัญหานี้ คุณรวิศให้แนวทางรับมือสองข้อหลัก
หนึ่ง พูดตรงและชัดเจน หากคนนี้สำคัญกับองค์กร อาจต้องมีคนช่วยสื่อสารระหว่างเขากับทีม แนวทางนี้อาจใช้พลังงานมาก
สอง เลือกให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร หากบุคคลนั้นทำลายระบบและไม่สอดคล้องค่านิยม การปล่อยไปอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อปกป้องทีมและรักษาความแข็งแกร่งขององค์กร
การรับมือความเปลี่ยนแปลง จาก VUCA สู่ RUPT
โลกธุรกิจวันนี้หมุนเร็วและเต็มไปด้วยความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ จากยุค VUCA (Volatility, Uncertainty, Complexity, Ambiguity) ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ยุค RUPT ที่ประกอบด้วย 4 มิติสำคัญคือ
- Rapid โลกเปลี่ยนเร็ว
- Unpredictable เหตุการณ์คาดเดาไม่ได้ เกิดขึ้นเสมอ
- Paradoxical เผชิญความย้อนแย้ง
- Tangled ปัญหาซับซ้อนและเชื่อมโยงกันจนแยกไม่ออก


คุณชุติมาแนะนำว่า ในบริบทนี้ องค์กรต้องมีความยืดหยุ่น (Flexibility) และความคล่องตัว (Agility) เพื่อรับมือกับความท้าทาย เธอยกตัวอย่างว่า การเปลี่ยนแปลงอาจไม่ต้องถึงขั้น Transform (การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่) แต่บางครั้งแค่ Transition (การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป) เช่น การถ่ายโอนธุรกิจจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ก็เพียงพอสำหรับ SME
“ความกลัว” อุปสรรคที่ซ่อนอยู่ในใจพนักงาน
เมื่อองค์กรต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความไม่แน่นอนมักสร้างแรงกดดันและความกลัวในหมู่พนักงาน ถึงความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน ส่งผลให้เกิดแรงเสียดทานและการต่อต้านโดยไม่ตั้งใจภายในองค์กร ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในหลายองค์กร คุณชุติมายกตัวอย่างว่า ผู้นำระดับกลางและล่างมักยังไม่พร้อมรับช่วงต่อจากผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะในองค์กรที่ CEO กำลังพิจารณาเกษียณ หรือธุรกิจครอบครัวที่เจเนอเรชันต่อมาไม่พร้อมสืบทอดตำแหน่ง
“บางที่ CEO อายุ 70 แล้ว ยังไม่รู้จะฝากความหวังไว้กับใคร”
นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีศักยภาพยิ่งซับซ้อนขึ้น เมื่อคนรุ่นใหม่มักเลือกสร้างธุรกิจของตัวเองมากกว่าทำงานในองค์กร ทำให้ผู้นำต้องเปลี่ยนวิธีคิด จากการมองหาคนเก่งจากภายนอก เป็นการสร้างและรักษาคนเก่งจากภายใน เพื่อให้ทีมและองค์กรพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
จาก Transform สู่ Transition การเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับบริบท
เมื่อโลกธุรกิจหมุนเร็วและการส่งต่อธุรกิจระหว่างรุ่นเป็นเรื่องท้าทาย ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงในองค์กร SME คุณชุติมาแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องถึงขั้น Transform เสมอไป บางครั้งการ Transition หรือการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะในธุรกิจครอบครัวที่ต้องส่งต่อจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่น
เธอยกตัวอย่างว่า องค์กรอาจต้องปรับจากการแข่งขันในเกม Productivity (ทำน้อยได้มาก) ไปสู่แนวคิด Stakeholder Centricity ที่ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงลูกค้า แต่รวมถึงคู่ค้า สังคม สิ่งแวดล้อม และพนักงาน
5 กลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้นำยุคใหม่
คุณชุติมาแนะนำ 5 กลยุทธ์หลักที่ผู้นำยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน
- เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ มุ่งสู่เกมการแข่งขันด้าน Productivity (Productivity Game) ทำให้น้อยแต่ได้มาก
- สร้างความต่อเนื่องขององค์กร เตรียมความพร้อมบุคลากรและคีย์แมน เพื่อป้องกันช่องว่างเมื่อผู้นำเกษียณ
- คัดเลือกคนที่ใช่ คนเก่งต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้ทีมทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
- บริหารความคาดหวังของพนักงาน สร้างประสบการณ์ที่ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วม
- เตรียมองค์กรสู่อนาคต ใช้เทคโนโลยีและแนวทางความยั่งยืนเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต


DNA ขององค์กรยุคใหม่
สำหรับองค์กรที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตในยุค RUPT คุณชุติมาแนะนำว่าควรมี DNA 3 มิติหลัก
S - Speed ตอบสนองต่อลูกค้า ตลาด และการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
A - Agility ปรับตัวอย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
I - Intelligence ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจและกำหนดกลยุทธ์
อย่างไรก็ดี DNA ทั้งสามมิติจะสะท้อนออกมาในทุกองค์ประกอบขององค์กร
- บุคลากร พนักงานต้องคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ ไม่ใช่แค่ปฏิบัติตามคำสั่ง
- กระบวนการ ต้องรวดเร็ว คล่องตัว และไม่ทำให้เสียโอกาส
- เทคโนโลยี เป็นเครื่องมือขับเคลื่อน Speed, Agility และ Intelligence ให้เกิดขึ้นจริง


สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
หากอยากสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง หัวใจหลักสำคัญหนึ่งคือการมีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง คุณชุติมาย้ำว่า วัฒนธรรมองค์กรคือรากฐานสำคัญของความสำเร็จ โดยอ้างคำกล่าวของ Peter Drucker ว่า “วัฒนธรรมกลืนกินกลยุทธ์เป็นอาหารเช้า” กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมก็จะล้มเหลว หากพนักงานไม่เชื่อหรือไม่ปฏิบัติตาม วัฒนธรรมที่ดีต้องออกแบบให้สอดคล้องกับเป้าหมายและพันธกิจ พร้อมผลักดันให้เกิดขึ้นจริง
เธอย้ำว่า “ในโลกที่ไม่ชัดเจน การสื่อสารต้องชัดเจน” ผู้นำต้องกล้าบอกเมื่อไม่รู้ เพื่อสร้างความไว้วางใจ และใช้ Empathy อย่างเข้าใจบริบทของผู้อื่น พร้อมให้เกียรติความเป็นมืออาชีพ การตั้งคำถามที่ถูกต้อง เช่น เทคนิค 5 Whys จะช่วยขุดรากปัญหาและนำไปสู่การแก้ไขอย่างยั่งยืน” คุณชุติมากล่าวสรุป
หมายเหตุ: การเข้าร่วมกิจกรรม สงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าที่ใช้สินเชื่อธุรกิจธนาคารกสิกรไทยตามเกณฑ์ของโปรแกรม K SME SIERRA เท่านั้น (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขการเข้าร่วมโปรแกรม K SME SIERRA กรุณาติดต่อผู้ดูแลสินเชื่อของท่าน หรือติดต่อธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา)