หม่อมราชวงศ์เบญจาภา (จักรพันธุ์) ไกรฤกษ์ ธิดาใน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ เล่าถึงเหตุการณ์ที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ได้มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้านการประพันธ์คำร้องสำหรับเพลงพระราชนิพนธ์ ทั้งยังเล่าถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี การทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงต่างๆ อาทิ แสงเทียน อาทิตย์อับแสง และยิ้มสู้ รวมถึงเครื่องดนตรีหลากประเภทที่พระองค์ท่านโปรดทรง ไม่ว่าจะเป็นแซกโซโฟน กีตาร์ ทรัมเป็ต ระนาดฝรั่ง และเปียโน หลังจากที่พระองค์ท่านทรงพบรักกับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙) ทั้งสองพระองค์ทรงเข้าพระราชหฤทัยกันได้ดีผ่านทางเสียงดนตรี
ย้อนกลับหม่อมราชวงศ์ภวรี (รัชนี) สุชีวะ ธิดาใน หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เล่าว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ทรงเรือใบไปยังเขาเต่า จากการทรงเรือใบครั้งนั้น ทำให้ทรงเล็งเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และการเกษตร จึงเป็นจุดกำเนิดของโครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า ซึ่งนับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกของกรมชลประทานอีกด้วย จากพื้นที่ที่ในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก ปัจจุบันนี้พื้นที่ของหมู่บ้านเขาเต่ากลับอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า จึงนับเป็นโครงการพระราชดำริที่ช่วยชุบชีวิตใหม่ให้แก่ชาวบ้านอย่างแท้จริง
ย้อนกลับหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงเล่าถึงจุดเริ่มต้นของมูลนิธิโครงการหลวงว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ทรงเล็งเห็นว่าชาวเขาปลูกฝิ่นเป็นอาชีพและมีคุณภาพชีวิตย่ำแย่ จึงได้มีพระราชดำรัสให้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงนำพืชเมืองหนาวขึ้นไปพัฒนาทดลอง เพื่อให้ชาวเขาปลูกทดแทนฝิ่น ทั้งยังสร้างศูนย์วิจัยบนดอย ศูนย์คัดเลือกพันธุ์พืช ส่งผลให้ความเป็นอยู่ของชาวเขาดีขึ้น ประชาชนชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพ และในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทุกครั้ง ยังแสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายไม่ถือพระองค์ของทั้งสองพระองค์
ย้อนกลับท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร คุณข้าหลวงผู้ใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เล่าถึงเหตุการณ์ความประทับใจที่ได้มีหน้าที่ถวายงานรับใช้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ รวมถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมรส การตามเสด็จฯ ทางรถไฟเมื่อครั้งเสด็จฯ ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่างๆ ตลอดจนการเสด็จฯ เยือนต่างประเทศเพื่อทรงปฏิบัติพระราชภารกิจเจริญสัมพันธไมตรีกับนานามิตรประเทศ
ย้อนกลับหม่อมเจ้าวุฒิเฉลิม วุฒิชัย ผู้อัญเชิญพระแส้หางช้างเผือกในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ทรงเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่วังสะพานขาว ซึ่งเป็นวังของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร พระบิดาของท่าน รวมทั้งเหตุการณ์ที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ตั้งแต่เมื่อทรงพระเยาว์ จึงได้เห็นพระราชจริยวัตรอันงดงามของทุกพระองค์ รวมถึงบทบาทหน้าที่การเตรียมพระองค์ในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่มีต่อจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ย้อนกลับคุณวนิดา (สุขุม) ดุละลัมพะ ผู้แสดงเป็น “มโนห์รา” ในการแสดงในพระบรมราชูปถัมภ์ เพลงพระราชนิพนธ์ชุด “มโนห์รา” เล่าถึงความประทับใจและความเป็นมาของการแสดงดังกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำศิลปะการแสดงบัลเลต์คลาสสิกของตะวันตกมาผสมผสานกับศิลปะไทยและนิทานชาดก เรื่อง “สุธนชาดก” การแสดงในครั้งนั้นมีนักแสดงมากกว่า ๗๐ ชีวิต พรั่งพร้อมไปด้วยความวิจิตรตระการตาของเครื่องแต่งกาย ฉากและเวที โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงควบคุมการฝึกซ้อม และทรงบริหารจัดการการแสดงด้วยพระองค์เอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงแสดงพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี ด้วยการทรงพระราชนิพนธ์เพลงชุดมโนห์รา (Kinari Suite) ได้แก่ “เริงวนารมย์” “พรานไพร” “กินรี” “ภิรมย์รัก” และ “อาทิตย์อับแสง” ต่อมาการแสดงชุดนี้ยังได้จัดแสดงถวายหน้าที่นั่งของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ ๙ และสมเด็จพระราชินีอิงกริดแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก ในการเสด็จพระราชดําเนินเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ และเมื่อทุกครั้งที่ได้นึกย้อนไปคราใดก็ยังทำให้ภูมิใจได้เสมอมิลืม
ย้อนกลับ