Emotional vs. Functional แตกต่างมาก ก็ประหยัดงบฯ การตลาดมาก
‘ความแตกต่าง’ หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ในยุคที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลิตของใหม่ไม่ให้เหมือนของในท้องตลาด ขณะที่ผู้บริโภคก็ยังคงแสวงหาความหวือหวาจากความแตกต่าง แบรนด์ก็ต้องสร้างจุดเด่นด้วย Functional หรือ Emotional เพื่อให้ธุรกิจได้ไปต่อ แนวทางเหล่านี้ที่จะทำให้คุณมองเห็นวิธีสร้างความต่างผ่านการตลาดเพื่อยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ
ต่างด้วย Functional
คุณคิดว่าเสื้อหนึ่งตัว นอกจากมีฟังก์ชันไว้เพื่อสวมใส่แล้ว ยังมีวิธีการใช้งานอื่น ๆ อะไรบ้างที่จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ ระบายอากาศได้ดีแต่ยังคงรักษาความอบอุ่นให้กับร่างกาย เสื้อที่ใส่ได้โดยไม่ต้องรีด มีฟังก์ชันกันเลอะ กันรังสี UV ฯลฯ แต่ถ้าทุก ๆ อย่างที่คุณคิดออก เป็นสิ่งที่มีขายอยู่แล้วในตลาดล่ะ
การสร้างความต่างด้วย Functional อาจเป็นความท้าทายที่ หากคุณไม่ใช่นักพัฒนาสินค้า ออกนวัตกรรมใหม่ที่โลกไม่เคยมีมาก่อน ก็เป็นเรื่อง ‘ยากพอสมควร’ ที่จะทำให้ความต่างในด้านการใช้งานโดดเด่นจนเป็นจุดขายของแบรนด์ได้ ดังนั้นหากผลิตภัณฑ์ไม่สามารถต่างด้วย Function จริง ๆ ก็ใช้เทคนิคทางการตลาด ทำให้สิ่งนั้นกระตุ้นอารมณ์จนทำให้ผู้คนสนใจ และตัดสินใจซื้อในท้ายที่สุด
ต่างด้วย Emotional
จากตัวอย่างเดียวกันก็คือเสื้อหนึ่งตัว หากเราไม่ได้ต้องการขายในแง่ของการใช้งาน แต่เป็นความภาคภูมิใจที่ลูกค้าจะได้สวมใส่แทนล่ะ อาจจะเป็นเสื้อที่ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนที่สวมใส่รู้สึกภูมิใจกับร่างกายตัวเอง หรือใส่เรื่องราวที่มาที่ไปของลายพิมพ์บนเสื้อ แล้วสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจผ่าน Storytelling
ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Home to My Heart ที่ออกคอลเลกชันเสื้อยืดลายพิมพ์ Disney โดยถ้ามองเผิน ๆ ก็คงเป็นแค่เสื้อยืดธรรมดาที่มีลายการ์ตูนที่ใคร ๆ ก็รู้จัก แต่เจ้าของแบรนด์ได้บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจ และที่มาที่ไปในการเลือกตัวละคร รวมถึงเหตุผลในการออกแบบ จัดวางเลย์เอาต์ลายพิมพ์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงแนวคิดจนสามารถขายสินค้าจนหมดได้อย่างรวดเร็ว
                      ถ้าให้วิเคราะห์จากมุมมองนักการตลาด แท้จริงแล้ว ‘ความต่าง’ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเพียงฝ่ายเดียว แต่มันคือองค์ประกอบในการตัดสินใจซื้อของผู้คนต่อสินค้าชิ้นนั้นว่า “ทำไมพวกเขาจึงต้องซื้อจากคุณ ทั้ง ๆ ที่ก็มีอีกหลายสิบแบรนด์ทำของเหมือนกัน คุณภาพเดียวกัน ราคาใกล้เคียงกัน ใช้งานได้ไม่ต่างกันออกมา” นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แบรนด์จะต้องปรับตัว และสร้างความต่างในเชิง Emotional เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าในสินค้า และจบด้วยการซื้อ