เคยคิดไหมว่า? จริง ๆ แล้วที่ธุรกิจยังไปไม่ถึงฝั่ง บางครั้งอาจเป็นเพราะเราเองที่กำลังเล่นผิดเกมอยู่ก็ได้ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาในทุกด้าน เช่น เทคโนโลยี สงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในสังคม และวิกฤตสิ่งแวดล้อม ทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้แทบทั้งนั้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม สิ่งสำคัญ คือ เราต้องตามเกมให้ทัน อ่านให้ออกว่าสิ่งนั้นจะส่งผลร้าย หรือดีต่อธุรกิจอย่างไร
K SME Care เปิดเวทีสัมมนา "Strategic Planning and Foresight-Navigating Future Challenges" โดยมี ดร.สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้าน Future Economy ชวนวิเคราะห์ 4 เทรนด์สำคัญจากคลื่นยักษ์ความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ที่นักธุรกิจจำเป็นต้องรู้และปรับตัวให้ทัน
“ความเสี่ยงของคนทำธุรกิจยุคนี้ ไม่ใช่แค่การแพ้ในเกม แต่ความเสี่ยงจะสูงขึ้น หากคุณกำลังเล่นผิดเกม เช่น เราเล่นเกมหมากฮอสเก่ง แต่โลกกำลังเล่นเกมหมากรุก จนเรากลับมาฝึกฝนหมากรุกเล่นเก่งเป็นที่ 1 โลกก็เปลี่ยนไปเล่นหมากล้อม หากยังติดอยู่ในเกมเดิม โอกาสแพ้มีสูงมาก ต้องอ่านสัญญาณเตือนให้ออก สแกนและตั้งรับให้ทัน” ดร.สันติธารเกริ่นไว้ในตอนต้น ก่อนเผยถึง 4 เทรนด์สำคัญต่อการทำธุรกิจในยุคนี้
เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาการลดลงของประชากรวัยแรงงาน ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การเติบโตของ GDP ไทยลดลงเหลือเพียง 2% ต่อปี เปรียบเหมือนนักกีฬาสูงวัยที่นับวันจะอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ โดยย้อนกลับไปก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง (ปี 2540) GDP ไทย อยู่ที่ 7.1% และหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (ปี 2550) 5.3% ทำให้เกิดการเสียเปรียบด้านกำลังคน เพราะธุรกิจจะโตได้ต้องเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น ต้องอาศัยแรงงานคนที่มากขึ้นหรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ที่แย่ไปยิ่งกว่า คือประชากรวัยทำงาน ได้แก่ Gen X และ Gen Y กลับเป็นเจเนอเรชันที่ต้องแบกรับภาระหนี้หนักที่สุด กลายเป็น “Gen เดอะแบก” ต้องเลี้ยงดูทั้งตัวเอง พ่อแม่ ถ้ามีลูกก็ต้องเลี้ยงดูลูกด้วย
แรงงานข้ามชาติ ขุมทรัพย์ใหม่ ปั้นธุรกิจโต
แต่ใช่ว่าในข้อเสีย จะไม่มีข้อดีเลย การลดลงของแรงงานในประเทศ ส่งผลให้เกิดการไหลเข้าของแรงงานข้ามชาติที่กลายเป็นโอกาสให้กับธุรกิจใหม่ นำเงินจากภายนอกเข้าสู่ในประเทศ ทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์ การศึกษา และธุรกิจสุขภาพ
อีกโอกาสที่น่าสนใจ คือตลาดนอกกรุงเทพฯ หรือ Local โดยพบว่าบางจังหวัด เช่น ชลบุรี มีช่องว่าง GDP การเติบโตสูงถึง 40% เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ ที่เริ่มจะอิ่มตัว ประชากรย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เหมือนเก่า
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลก ซึ่งสาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนขั้วผู้นำการค้าโลก จากแต่เดิมก่อนที่จีนจะตัดสินใจเข้าร่วมกับองค์การการค้าโลก (WTO) อเมริกาคือผู้นำตลาดหลัก ต่อมาเมื่อจีนเริ่มเป็นผู้ผลิตมากขึ้น ในปริมาณการผลิตที่สูง และราคาถูก จนก้าวกระโดดขึ้นมาเป็น Top 5 ของโลก และขึ้นเป็นอันดับที่สองในปี 2022 และคาดการณ์ว่าในปี 2050 จะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่อินเดียอาจเป็นเบอร์ 3, อินโดนีเซีย อันดับที่ 4 และเยอรมนี อันดับที่ 5 ซึ่งแปลว่า 3 ใน 5 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกจะอยู่ในเอเชีย ทำให้คนอเมริการู้สึกเสียเปรียบ จึงอยากได้ผู้นำที่แข็งแกร่งเพื่อมาตอบโต้จีน เป็นที่มาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันนี้
ไทย จุดศูนย์รวมประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก
ในเมื่อไม่สามารถหลีกหนีจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ จึงมองว่าทางรอดของผู้ประกอบการไทย คือการมองหาตลาดใหม่ที่ไม่ใช่แค่จีนและอเมริกา อีกข้อที่น่าสนใจ คือการที่ไทยได้อยู่ท่ามกลางประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของโลก เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย ซึ่งมีศักยภาพการซื้อสินค้าที่สูง จึงนับเป็นโอกาส เพื่อลองหาวิธีดึงดูดผู้บริโภคจากประเทศเหล่านั้นให้เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการในประเทศให้มากขึ้น
เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดย AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเขียนบทความ การทำโฆษณา การสร้างภาพ หรือการแต่งเพลง ฯลฯ ในรูปการใช้งานที่ง่ายขึ้น ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งนับวันจะทำให้โลกเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
โดยมีการเปรียบเทียบให้เห็นว่า
Facebook ใช้เวลา 4 ปี จึงจะได้ User ผู้ใช้งาน 100 ล้านคนได้ ในขณะที่ Chat GPT ใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือน และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา “DeepSeek” AI จากจีนใช้เวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น
เราจะใช้ประโยชน์จาก AI พัฒนาธุรกิจได้อย่างไร?
ดร.สันติธารแนะว่า การใช้ AI ควรเริ่มต้นจากการฝึกใช้งานให้คล่องแคล่วและนำ AI มาใช้เพื่อเสริมทักษะของมนุษย์ ไม่ใช่ทดแทนมนุษย์ โดยแบ่งกลุ่มคนตามการใช้ AI เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
โดย AI สามารถเพิ่มศักยภาพของบุคคลให้โตแบบก้าวกระโดดได้ เช่น ฮิวแมน อาจข้ามไปเป็นสมาร์ตยูสเซอร์ได้ หากมีการนำ AI มาใช้ ขณะที่สมาร์ตฮิวแมน ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นสมาร์ตไซบอร์กได้ จากการใช้สกิลที่มีอยู่บวกกับการใช้ AI เข้ามาช่วย
ในยุคที่ทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ธุรกิจจึงต้องเตรียมตัวรับมือกับเทรนด์การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่
มองหาโอกาสจากโลกที่ยั่งยืน
ไทยเองถือเป็นประเทศที่มีการพึ่งพาธรรมชาติอย่างมาก ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการเกษตร ผู้ประกอบการจึงต้องหาทางปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งการปรับลดคาร์บอน เพื่อลดโลกร้อน เช่น การใช้รถ EV วิธีประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน ไปจนถึงการปรับตัวอยู่กับโลกที่ร้อนขึ้นให้ได้ เช่น การปรับโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจให้เอื้อกับสิ่งแวดล้อม และการรับมือกับภัยธรรมชาติ เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงใน 4 เทรนด์ที่กล่าวถึงข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น Demographic, Geopolitical, Digital & AI หรือ Sustainability ล้วนมีทั้งความเสี่ยงและโอกาสที่ซ่อนอยู่ ความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลง โดยต้องคิดอย่างรอบคอบ มองการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
3 ข้อที่ต้องคำนึงถึงในการปรับตัว