เคยสงสัยไหมว่าผู้นำที่จะพาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนต้องเป็นแบบไหน? โดยเฉพาะในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ผู้นำยุคใหม่ไม่ได้ถูกวัดเพียงจากวิสัยทัศน์ แต่ขึ้นอยู่กับ ความยืดหยุ่นทางความคิด ความฉลาดทางจิตใจ (Spiritual Intelligence) และความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่องค์กรทุกขนาดกำลังมองหา
เมื่อองค์กรมีผู้นำเช่นนี้ วัฒนธรรมการทำงานจะเต็มไปด้วยคุณค่า พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีเป้าหมายร่วมกัน และมีความรับผิดชอบต่อความสำเร็จร่วม ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่ การเติบโตอย่างยั่งยืน
เพื่อเปิดมุมมองเหล่านี้ ธนาคารกสิกรไทย โดย K SME CARE จัดสัมมนา “Leader’s Wisdom” โดย คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร CEO และผู้ก่อตั้ง MFEC ผู้บุกเบิกธุรกิจไอทีองค์กรชั้นนำของไทย ที่จะมาไขความลับการเป็นผู้นำและดึงดูดคนเก่งเข้าสู่องค์กร
เปิดทักษะผู้นำพาองค์กรพร้อมโต
การเป็นผู้นำที่แท้จริง ไม่ได้เริ่มต้นจากการบริหารคนหรือวางกลยุทธ์ใหญ่โต แต่เริ่มจาก “การเข้าใจตนเอง” ว่ามีศักยภาพ จุดแข็ง และข้อจำกัดอย่างไร จุดนี้เองที่คุณศิริวัฒน์สะท้อนว่า…
“ก่อนจะเป็นผู้นำที่ดี พาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ อย่างแรกผู้นำต้องรู้จักตนเองให้มากพอ”
เมื่อผู้นำเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ รู้ว่าอะไรคือจุดแข็งและข้อจำกัด ก็จะมองภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า องค์กรที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ควรเดินไปทิศทางใด จะเติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบไหน และต้องการคนประเภทใดมาร่วมเสริมพลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับแนวคิดที่คุณศิริวัฒน์อธิบายไว้ว่า “ความสำเร็จ 30% เกิดจากตัวเรา อีก 70% เกิดจากสิ่งแวดล้อม”
ต่อให้เป็นคนเก่ง หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการเติบโต ความสำเร็จก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก ในทางกลับกัน แม้จะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้รับการสนับสนุนและซัพพอร์ต ความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า คำถามสำคัญคือ แล้วจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีได้อย่างไร?
คำตอบอยู่ที่คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือทีมงาน ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อบรรยากาศการทำงาน เราสามารถสังเกตได้จาก 3 ปฏิกิริยาเมื่อใครสักคนประสบความสำเร็จในทีม :
ดังนั้น การสร้างองค์กรที่มีสภาพแวดล้อมดี ต้องเริ่มจาก ทักษะการสังเกตและใส่ใจคนรอบข้าง ผู้นำที่รู้จักสร้างความสัมพันธ์ (Relationship) จะสามารถคัดสรรและดึงดูดคนที่พร้อมทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ และนี่คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทั้งทีมและองค์กร
How to สร้างเสน่ห์แห่งการเป็นผู้นำ
เสน่ห์ของผู้นำ (Leadership Charisma) ไม่ได้เกิดจากตำแหน่งหรือบารมีเพียงอย่างเดียว แต่คือพลังที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกอยากติดตาม อยากร่วมเดินไปด้วยกัน และพร้อมทุ่มเทเต็มที่ จุดนี้เองที่คุณศิริวัฒน์ย้ำว่า “เสน่ห์ของผู้นำ (Leadership Charisma) ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นสิ่งที่สร้างและออกแบบได้” ผ่าน 2 ทักษะสำคัญคือ การควบคุมตัวเอง และการเข้าใจคนรอบข้าง
2 Systems สร้างเสน่ห์ของผู้นำ
คุณศิริวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้าขาดเสน่ห์แห่งการเป็นผู้นำต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงานได้” ทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จไม่ได้อยู่แค่ที่ผู้นำ แต่อยู่ที่การเป็นผู้นำที่สามารถสร้างทีมที่พร้อมทุ่มเทให้กับองค์กรอย่างเต็มความสามารถ
รักษาสมดุล ความยุติธรรม เพื่อพัฒนาคน
อีกหนึ่งแนวคิดสำคัญที่คุณศิริวัฒน์ฝากไว้คือ “องค์กรจะไม่สามารถเติบโตได้ หากขาดความยุติธรรม” ซึ่งความยุติธรรมในที่นี้ไม่ใช่การทำให้ทุกคนได้รับสิ่งเดียวกัน แต่คือการให้ผลตอบแทนและโอกาสที่สอดคล้องกับผลงานและความทุ่มเทของแต่ละคน
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หากมีพนักงาน 2 คน คนหนึ่งทำงานเกินมาตรฐานอย่างเต็มที่ แต่อีกคนทำงานต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ผลประเมินปลายปีกลับได้ค่าตอบแทนไม่ต่างกันมากนัก สิ่งนี้อาจดูเหมือนยุติธรรม แต่ในความจริงแล้วกลับเป็นการทำลายกำลังใจของคนเก่ง และทำให้องค์กรสูญเสียศักยภาพในระยะยาว
ดังนั้น องค์กรที่ยึดมั่นในความยุติธรรม จะต้องสร้างระบบที่ “ใครทำอะไร ต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า” เพราะนี่คือพื้นฐานของการพัฒนาคนและการดึงดูดคนเก่งให้เข้ามาร่วมทีม หากขาดจุดนี้ ความฝันในการสร้าง “ดรีมทีม” ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
คุณศิริวัฒน์ยังย้ำว่า การสรรหาคนเก่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดหรือชื่อเสียงขององค์กร แต่ขึ้นอยู่กับ ความทุ่มเท การสื่อสารที่จริงใจ และประสบการณ์ที่องค์กรพร้อมจะมอบให้ องค์กรต้องชัดเจนว่าอยากได้คนแบบไหน และสะท้อนจุดยืนกับวัฒนธรรมองค์กรให้ตรงกับความต้องการนั้น
ท้ายที่สุด องค์กรที่มีคนเก่งอยู่ ไม่ใช่องค์กรที่ “ไร้ปัญหา” แต่คือองค์กรที่แม้จะเจอปัญหามากเพียงใด ก็ยังสามารถเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสและเติบโตได้เสมอ เพราะคนเก่งที่มาพร้อม Growth Mindset จะพาองค์กรก้าวข้ามทุกอุปสรรค
“การจะเป็นผู้นำที่คนเก่งอยากทำงานด้วย ต้องมีทั้งความคิด ความสามารถ ความยุติธรรม การจัดการที่ดี และวัฒนธรรมองค์กรที่สอดคล้อง พร้อมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตทั้งคนและองค์กรไปพร้อมกัน” - คุณศิริวัฒน์