8 เคล็ดลับวางแผนเก็บเงินแต่งงาน 8 เคล็ดลับวางแผนเก็บเงินแต่งงาน

8 เคล็ดลับวางแผนเก็บเงินแต่งงานอย่างไร ให้ถึงเป้าและได้แต่งเร็วขึ้น

เมื่อคู่รักได้คบหาดูใจกันจนลงตัวแล้ว ต่อไปก็คือช่วงเวลาแห่งการวางแผนการแต่งงาน ซึ่งการแต่งงานนั้น นอกจากจะมีเรื่องของการตกลงกันระหว่างคู่รักแล้ว ยังมีเรื่องสินสอดและค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ด้วยความที่งานแต่งต้องใช้เงินก้อนใหญ่ จึงต้องวางแผนเก็บเงินระยะยาว บางคนถามว่า “กู้เงินแต่งงานจะดีมั้ย?” เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในช่วงเวลาสำคัญ บทความนี้จะพามาดูเคล็ดลับวางแผนเก็บเงินแต่งงานอย่างไรให้ถึงเป้าอย่างรวดเร็ว ให้งานแต่งเป็นไปอย่างราบรื่น และคู่รักได้มีความสุขในช่วงเวลาสำคัญอย่างเต็มที่

1.วางแผนการเงินให้ชัดเจน

1.วางแผนการเงินให้ชัดเจน

สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรทำให้ชัดเจนในการเก็บเงินแต่งงาน คือการวางแผนทางการเงิน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เงินจัดงานแต่งเท่านั้น ยังรวมไปถึงเงินส่วนอื่นๆ ที่ต้องใช้ในอนาคตเพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่อีกด้วย ดังนั้น เมื่อเริ่มคิดถึงการแต่งงานแล้ว ควรจะเริ่มเก็บเงินโดยแบ่งเป็นสัดส่วน ดังนี้

  • ค่าสินสอด - พูดคุยกับทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับค่าสินสอด ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว และควรแยกเงินส่วนนี้ไว้ชัดเจน ไม่ควรนำมาปะปนกับเงินที่เก็บไว้สำหรับจัดงานแต่ง
  • ค่าจัดงานแต่ง - คือเงินส่วนที่ไว้ใช้สำหรับจัดงานแต่ง ครอบคลุมไปถึงค่าชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ค่าสถานที่จัดงาน ค่าอาหาร ค่าของชำร่วย และค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ที่อาจต้องใช้ในงานด้วย
  • เงินในอนาคต - เพราะหลังจากแต่งงานแล้ว การเริ่มต้นชีวิตคู่ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่ออยู่ร่วมกัน จึงต้องแบ่งเงินไว้สำหรับใช้ในอนาคตด้วย เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เงินสำหรับเลี้ยงดูบุตร ค่าใช้จ่ายในบ้าน ฯลฯ

2.ตกลงรายละเอียดเรื่องสินสอดให้ชัดเจน

สินสอดคือส่วนหนึ่งในประเพณีการแต่งงาน ซึ่งต้องมีการพูดคุยและลงรายละเอียดกับญาติผู้ใหญ่ของทั้งคู่บ่าว-สาวให้ชัดเจน เพราะสินสอดสามารถเป็นได้ทั้งในรูปแบบของเงินสด หรือสิ่งของมีค่าต่างๆ เช่น ทอง เครื่องประดับ ที่ดิน รถยนต์ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว โดยการคำนวณค่าสินสอดโดยทั่วไปนั้น สามารถคำนวณได้จากรายได้ของคู่บ่าว-สาวรวมกัน คูณด้วย 5 หรือ 10 เช่น

การคำนวณค่าสินสอด
  • ฝ่ายเจ้าบ่าวมีรายรับต่อเดือน 30,000 บาท ฝ่ายเจ้าสาวมีรายรับต่อเดือน 25,000 บาท
  • ค่าสินสอดคือ (30,000+25,000) x 5 = 275,000 บาท หรือ (30,000+25,000) x 10 = 550,000 บาท

ทั้งนี้ เรื่องค่าสินสอดสามารถคำนวณได้หลากหลายแบบ และขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละครอบครัว การลงรายละเอียดเรื่องสินสอดให้ชัดเจนจึงมีความสำคัญในแง่ที่ช่วยให้คู่รักสามารถประเมินและวางแผนเก็บเงินแต่งงาน โดยจัดการค่าสินสอดได้อย่างแม่นยำขึ้น รวมไปถึงยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิดใจกัน และยังสร้างความพึงพอใจให้แก่ญาติผู้ใหญ่ได้อีกด้วย

กำหนดงบประมาณของงานแต่ง

3. กำหนดงบประมาณของงานแต่ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่จะกำหนดรูปแบบของงานแต่งก็คือ การตั้งงบประมาณในการจัดงาน การตั้งงบประมาณของงานแต่งจะช่วยให้คู่บ่าว-สาวมีขอบเขตในการเลือกรูปแบบของงานแต่ง ว่าสามารถจัดงานสไตล์ไหนได้บ้าง และจัดการกับองค์ประกอบของงานแต่งโดยที่ยังอยู่ในงบประมาณที่เราเก็บเงินแต่งงาน เพราะถ้าไม่มีงบประมาณที่แน่นอน อาจเผชิญกับค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่ไม่ได้วางแผนไว้ พอรู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่าเสียค่าจัดงานแต่งไปมากเกินความจำเป็นได้ ทางที่ดีลองกำหนดงบประมาณที่ใช้ และรูปแบบงานคร่าวๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • งานแต่งสไตล์อบอุ่น เรียบง่าย จัดในร้านอาหาร แขกประมาณ 100 ท่าน จ่ายค่าเช่าสถานที่พร้อมพิธีการ และอาหาร ตั้งงบไว้ที่ 200,000 บาท
  • งานแต่งสไตล์หรูหรา จัดในโรงแรมใจกลางเมือง แขกประมาณ 300 ท่าน จ่ายค่าเช่าสถานที่พร้อมพิธีการ และอาหาร ตั้งงบไว้ที่ 400,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของโรงแรมด้วย หากเลือกโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก

เมื่อมองเห็นภาพงานแต่งและงบประมาณที่ตั้งไว้แล้ว จะทำให้วางแผนได้ว่าในแต่ละเดือนควรเก็บเงินแต่งงานอยู่ที่เท่าไร ช่วยให้การจัดการเรื่องเงินเป็นไปอย่างแม่นยำขึ้น

4. วางแผนรูปแบบงานแต่ง

เมื่อตั้งงบประมาณที่แน่นอนได้แล้ว ต่อมาคือการกำหนดรูปแบบงานแต่งให้ชัดเจน เพราะไม่ว่าใครก็อยากให้งานแต่งออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่การจะให้งานแต่งออกมาดีนั้น ก็ต้องมาจากการวางแผนรูปแบบงานแต่งที่ดีด้วย เมื่อระบุองค์ประกอบต่างๆ ของงานแต่งได้อย่างชัดเจน ก็จะส่งผลดีต่อคู่บ่าว-สาวที่จะสามารถควบคุมงบประมาณให้อยู่ในขอบเขต และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกได้ รวมถึงส่งผลดีต่อออแกไนซ์ที่จะทำให้การเตรียมงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากคู่บ่าว-สาวยังไม่รู้วิธีการวางแผนรูปแบบงานแต่งอย่างไรให้ออกมาดี โดยควรวางแผนกำหนดองค์ประกอบต่างๆ เพื่อเก็บเงินแต่งงาน ดังนี้

  • กำหนดธีมแต่งงาน ช่วยวางองค์ประกอบภายในงานแต่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งการตกแต่งบรรยากาศ การแต่งกายของแขกที่มาร่วมงาน ฯลฯ อีกทั้งยังช่วยให้วางแผนงบประมาณเก็บเงินแต่งงานได้ดีขึ้น
  • เลือกสถานที่ ค่าใช้จ่ายในการใช้สถานที่จัดงาน สำหรับคู่รักที่อยากจัดงานแต่งในงบประมาณที่ไม่สูงมากนัก อาจเลือกสถานที่เป็นร้านอาหารเก๋ๆ แนวๆ หรือที่บ้านตนเอง แต่หากมีงบประมาณสูง อาจเลือกเป็นห้องประชุมในโรงแรมใจกลางเมืองก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเก็บเงินแต่งงานของเราว่ามีมากน้อยแค่ไหน
  • เลือกรูปแบบงานเลี้ยง การจัดงานเลี้ยงอาหารยังมีอีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ค็อกเทล บุฟเฟต์ หรือโต๊ะจีน ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับธีมงาน ประเภทของแขก และจำนวนแขก เพื่อให้แน่ใจว่าแขกที่มาร่วมงานจะได้ทานกันอย่างครบถ้วน และไม่เกินจากงบประมาณเก็บเงินแต่งงานเราที่วางไว้
  • ออกแบบการ์ดงานแต่ง ถ้าคู่บ่าว-สาวมีญาติและเพื่อนฝูงมากมายแล้ว อาจต้องพิมพ์การ์ดจำนวนมาก ซึ่งก็นับว่าเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
  • เลือกชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ราคาชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว มีราคาที่แตกต่างกัน ควรเลือกให้ตรงตามความต้องการและงบประมาณที่เหมาะสม
  • เลือกของชำร่วย การจะเลือกของชำร่วยนั้นขึ้นอยู่กับงบประมาณงานแต่งของคู่บ่าว-สาว โดยเฉพาะงานแต่งที่มีแขกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นั่นแปลว่าต้องมีการเตรียมพร้อมของชำร่วยจำนวนมากด้วยเช่นกัน
เปิดบัญชีเก็บเงินแต่งงานแยกไว้

5. เปิดบัญชีเก็บเงินแต่งงานแยกไว้

มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าการแต่งงานนั้นต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียว ดังนั้นเราแนะนำให้เปิดบัญชีเก็บเงินแต่งงานแยกไว้ เพราะหากไม่แยกบัญชีอย่างชัดเจน ก็อาจเผลอไปใช้เงินเก็บส่วนนี้โดยไม่รู้ตัว ทำให้เป้าหมายการเก็บเงินแต่งงานไม่สำเร็จเสียที โดยแนะนำให้เปิดเป็นบัญชีร่วมกันของคู่บ่าว-สาว ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คู่บ่าว-สาวสามารถช่วยกันออมเงินเพื่อการแต่งงาน และยังเห็นความก้าวหน้าของเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำลังใจในการออมต่อไป แนะนำให้คู่บ่าว-สาวเลือกเปิดบัญชีกับธนาคารที่มีข้อเสนอดีๆ และให้อัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่า อย่างธนาคารกสิกรไทย ก็จะยิ่งช่วยให้การเก็บเงินแต่งงานบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

6. ตั้งเป้าหมาย กำหนดระยะเวลา

การตั้งเป้าหมายการเก็บเงินแต่งงานที่ดี ควรตั้งจำนวนเงินให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการเก็บเงิน ลองพิจารณาจากความสามารถในการออมเงินว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด ถึงจะบรรลุเป้าหมายการเก็บเงินได้ เช่น คู่บ่าว-สาวสามารถเก็บเงินแต่งงานรวมกันได้เดือนละ 10,000 บาท ตั้งเป้าหมายการเก็บเงินไว้ที่ 500,000 บาท แปลว่าต้องใช้เวลานาน 4 ปี 2 เดือน จึงจะบรรลุเป้าหมายได้ หรืออาจกำหนดเป็นเงิน 500,000 บาท ต้องเก็บให้ได้ภายใน 3 ปี แปลว่าคู่บ่าว-สาวต้องเก็บเงินแต่งงานเดือนละ 13,900 บาท เป็นต้น

วางแผนเก็บเงินต่อเดือนอย่างจริงจัง

7.วางแผนเก็บเงินต่อเดือนอย่างจริงจัง

เมื่อตั้งเป้าหมายและกำหนดระยะเวลาแล้ว ถึงเวลาที่คู่บ่าว-สาวต้องวางแผนเก็บเงินต่อเดือนอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องแบกรับภาระการเก็บเงินแต่งงานมากเกินไป วิธีการเก็บเงินแต่งงานต่อเดือนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือการเก็บเงินก่อนนำไปใช้ เมื่อคู่บ่าวสาวมีรายได้เข้ามาแล้ว ควรแบ่งเงินเข้าบัญชีเก็บเงินแต่งงานก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายปกติ ประมาณ 10-20% ซึ่งจะทำให้มีเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นทุกเดือน และยังเป็นการแบ่งเบาภาระการเก็บเงินได้อย่างเท่าเทียมอีกด้วย แนะนำให้เปิดบัญชีเงินฝากทวีทรัพย์ กับทางธนาคารกสิกรไทย บัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเงินเพื่ออนาคต ฝากเท่ากันทุกเดือนระยะเวลา 24 เดือน ยอดเงินฝากตั้งแต่ 500 – 25,000 บาท ได้ดอกเบี้ยสูง และไม่ต้องเสียภาษีเงินฝาก

มองหาตัวช่วยอย่างสินเชื่องานแต่ง

8. มองหาตัวช่วยอย่างสินเชื่องานแต่ง

ถ้าหากวางแผนเก็บเงินแต่งงานตามที่กล่าวมาข้างต้นจนครบหมดแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าการจะบรรลุเป้าหมายการเก็บเงินยังคงอยู่อีกไกล ลองมองหาตัวช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยไม่กระทบกับแผนการแต่งงาน อย่างสินเชื่องานแต่ง หรือการกู้เงินแต่งงาน ซึ่งในปัจจุบันนี้ คู่บ่าว-สาวหลายๆ คู่ก็เริ่มหันมาใช้วิธีการกู้เงินแต่งงานกัน เพราะเป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็ว เอามาหมุนใช้ก่อน แล้วพอจบงานก็ค่อยเอาไปปิดบัญชีสินเชื่อ ซึ่งการกู้เงินแต่งงาน ทำให้เราได้เงินเป็นก้อนมาใช้ทันที ดอกเบี้ยต่ำ และสามารถปิดหนี้ได้เร็วตามที่ต้องการ เรียกได้ว่าการหาเงินก้อนเพื่อแต่งงานไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หากเก็บเงินไม่ทัน ทางธนาคารกสิกรไทยมีตัวช่วยอย่าง สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan* เงินก้อนทันใจ รู้ผลอนุมัติไวสุดแค่ 15 นาที ได้เงินทันที สมัครง่าย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ไม่มีค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อ หรือหากเก็บเงินแล้วแต่ยังขาดเหลือเล็กๆ น้อยๆ แนะนำให้สมัคร บัตรเงินด่วน Xpress Cash** เป็นบัตรกดเงินสดเอาเงินมาหมุนใช้จ่าย ซึ่งข้อดีคือ ไร้ค่าธรรมเนียมทั้งการสมัคร และการเบิกถอนวงเงิน กดใช้ได้ทันทีที่ต้องการตลอด 24 ชั่วโมง จ่ายคืนน้อย เริ่มต้นเพียง 3%


เพราะวันแต่งงานคืออีกหนึ่งช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตคู่ จึงต้องวางแผนทางการเงินไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการแต่งงานมีค่าใช้จ่ายอยู่มากมาย การเก็บเงินแต่งงานจึงต้องใช้เวลาและความร่วมมือกันระหว่างคู่บ่าว-สาว เพื่อให้เป้าหมายการเก็บเงินประสบความสำเร็จ เนรมิตงานแต่งงานในฝันให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่หากคู่รักคู่ไหนอยากสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพื่อเป็นตัวช่วยเก็บเงินแต่งงาน ให้มองหา สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan* เงินก้อนสมัครง่าย รู้ผลอนุมัติผลเร็ว ทั้งยังมีดอกเบี้ยต่ำ จึงผ่อนสบาย ปิดหนี้ได้ไว ช่วยให้การเก็บเงินแต่งงานถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น หรือบัตรเงินด่วน Xpress Cash เงินหมุน รู้ผลอนุมัติไว ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ช่วยให้การแต่งงานเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น


*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 17% - 25% ต่อปี

**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 18% - 25% ต่อปี

อ่านบทความช่วยเรื่องกู้รู้จริงเพิ่มเติม

คลิกเลย

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

back to top