หากจะกล่าวถึงสไตล์เทรดหุ้น มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ เก็งกำไรระยะสั้น หรือลงทุนในระยะยาว ซึ่งก็มีทั้ง ประสบความสำเร็จ หรือ จ่ายค่าเรียนรู้ผ่านการลงทุนกันไป เมื่อมารวมกับแนวโน้มการลงทุน ในต่างประเทศที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จากผลตอบแทนช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 2 digit ทำให้มีความน่าสนใจซื้อขายในหุ้นต่างประเทศ จะลงทุนหุ้นโดยตรง จะเจอคำถามว่า แล้วจะลงทุน ในหุ้นตัวไหนดี ถ้าไม่ได้ติดตามหุ้นรายตัวในประเทศใดประเทศหนึ่ง กลับกันหากใครเคยลงทุน กองทุนรวมต่างประเทศมาบ้างแล้ว เริ่มมีเวลาดูจังหวะขึ้น-ลงของตลาดได้ และอาจจะเป็น สายเทรดตัวยงเพื่อเน้นเก็งกำไรระยะสั้น กองทุนหุ้นดัชนี (Index Fund) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ ควรมองข้าม
“
ในช่วงที่ตลาดหุ้นต่างประเทศมีความน่าสนใจ อยากเก็งกำไร จะทำอย่างไรได้บ้าง
คำตอบ คือ กองทุนอ้างอิงดัชนี (Index Fund) เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้เคยลงทุน
ในหุ้นไทยมาแล้ว ยังไม่เคยศึกษาหุ้นต่างประเทศ และต้องการเก็งกำไร
โดยกองทุนอ้างอิงดัชนี จะมีค่าธรรมเนียมจัดการ ค่าธรรมเนียมซื้อขาย ค่อนข้างถูก
เนื่องจากลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง และถือเป็นการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ
“


แต่ก่อนที่ข้ามไปถึงความน่าสนใจหลายข้อของ Index Fund ผู้ลงทุนที่รักการเทรดทำกำไร เป็นชีวิตจิตใจ ต้องทำความเข้าใจกับเรื่องหนึ่งที่อาจเคยเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Index Fund ไปเสียก่อน นั่นคือเรื่อง “กลไกของผลตอบแทน”
มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้าใจว่า ผลตอบแทนของ Index Fund ไม่ค่อยน่าสนใจ และในภาพรวมบางครั้งก็อาจจะสู้กองทุนทั่วไปไม่ได้ จึงทำให้ Index Fund เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถูกเมิน เพียงเพราะกองทุนประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงด้วยกลไก การสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด ซึ่งอาจจะมีผลตอบแทนที่สูง ไปตามการเคลื่อนไหวของดัชนีในขาขึ้น หรือขยับลงตามดัชนีในขาลงก็ได้เช่นกัน ดังนั้น การเปรียบเทียบในมุมผลตอบแทน จึงเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่สมน้ำสมเนื้อมากนักหากนำไป เทียบเคียงกับกองทุนประเภทอื่นที่ไม่ได้เน้นการลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีอ้างอิง แต่หากลองเทียบในกลุ่มกองทุนดัชนีด้วยกัน เช่น กองทุนดัชนีที่ลงทุนอ้างอิงกับดัชนีหลักใน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P500 หรือ NASDAQ ในบ้านเรามีอยู่ 8 กองทุน เมื่อดูผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 ปี* จะพบว่า 4 ใน 8 กองทุน มีผลตอบแทนอยู่ในลำดับตั้งแต่ Percentile 50th** ขึ้นไป ซึ่งนับว่า น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว


พอเข้าใจเรื่องผลตอบแทนของ Index Fund ทะลุปรุโปร่งแล้ว ว่าผลตอบแทนจะเคลื่อนไหว ไปตามดัชนีอ้างอิงในแต่ละตลาดหุ้นที่เราไปเลือกลงทุน .... คราวนี้ก็ได้เวลานับข้อดีของ Index Fund กันต่อ
3 ข้อดีที่ Index Fund ช่วยตอบโจทย์นักลงทุนเพื่อเก็งกำไรได้อยู่หมัด ก็คือ
“ง่าย”
จับจังหวะการลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านดัชนีที่ใช้อ้างอิง ยกตัวอย่างเช่น อยากลงทุนในหุ้นสหรัฐ กองทุนรวมดัชนีอ้างอิงในไทย จะมีทั้ง S&P500 และ NASDAQ ให้เลือก ถ้าชอบหุ้นใหญ่ใน สหรัฐเลือกดัชนี S&P500 ในการอ้างอิง แต่ถ้าชอบแนวหุ้นเทคโนโลยี ก็เลือก NASDAQ เป็นต้น อีกอย่างของความง่าย คือ รู้แน่ๆ ว่าสัดส่วนการลงทุนในใกล้เคียงหรือล้อตามดัชนีอ้างอิง ทำให้นักลงทุนง่ายที่จะลงทุน ไม่ต้องลุ้นฝีมือของผู้จัดการกองทุน
“ค่าธรรมเนียมถูก”
เพื่อให้สายเทรดมีต้นทุนในการซื้อขายทำกำไรในระยะสั้น ลดต้นทุนซื้อขายลง
“หลากหลาย
มีกองทุนดัชนีอ้างอิงให้เลือกลงทุนหุ้นได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ตลาดสหรัฐ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น อินเดีย แถบเอเชียแม้กระทั่งไทย ทำให้สายเทรดไม่พลาดโอกาสลงทุน และกระจายการลงทุนได้ทั่วโลก


พออ่านมาถึงตรงนี้ นักลงทุนหลายคนเริ่มสนใจในกองทุนดัชนีอ้างอิงแล้ว จะมีวิธีเลือกลงทุนในกองทุนดัชนี อ้างอิงอย่างไรกันบ้าง
1. เลือกประเทศที่สนใจจะลงทุน
ไม่ว่าจะเป็น U.S. EU China Japan India ยังจะมี MSCI ที่เป็นดัชนีหุ้นทั่วโลก และ MSCI ASIA (ไม่รวม Japan) เป็นดัชนีของเอเชีย หรือจะกลับมาที่ไทย ก็จะมีดัชนีในไทยด้วยเช่นกัน
2. ทำความรู้จักดัชนีที่กองทุนแม่อ้างอิง
ยกตัวอย่างเช่น กองทุน K-USXNDQ ซึ่งเป็นกองทุนไทยที่ลงทุนในดัชนีอ้างอิง NASDAQ ของสหรัฐฯ มีกองทุนหลัก คือ กองทุน Invesco QQQ Trust, Series 1 (USD) ซึ่งเป็น กองทุนอีทีเอฟ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ อ้างอิงดัชนีหุ้นสหรัฐ NASDAQ 100 โดยดัชนีหุ้นสหรัฐ NASDAQ จะมีหุ้นเทคโนโลยี เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง (Market Cap.) ในตลาด แปลว่า ดัชนี NASDAQ ส่วนใหญ่ จะมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เป็นหุ้นนำตลาด
3. ดู Tracking Error
เมื่อค่า Tracking Error เข้าใกล้ -0- แปลว่า ผลตอบแทนเกาะตามดัชนีอ้างอิง 100% แต่แน่นอน ในโลกของความเป็นจริง Tracking Error = 0 เป็นไปได้ยาก ถ้าจะให้ดี ไม่ควรเกิน 1 แต่สำหรับ กองทุนรวมดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ ที่มีในประเทศไทย อาจจะเกินไปได้นิดหน่อยเนื่องจาก การเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยน จะทำให้ Tracking Error ขยับเกินกว่า 1 ได้ ซึ่งถ้าอยาก ทราบข้อมูล Tracking Error ของกองทุนดัชนีอ้างอิง สามารถหาดูได้ใน Fund Fact Sheet ของกองทุนรวมที่สนใจได้เลย
4. ดูค่าธรรมเนียม
มีในส่วนของค่าธรรมเนียมในการจัดการ และค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขาย ซึ่งควรทำความ เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อประเมินโอกาสในการทำกำไร


ต้องบอกว่าการลงทุนกองทุนดัชนีหุ้น วัตถุประสงค์หลัก คือ สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียง ผลตอบแทนดัชนีอ้างอิง นอกจากจะลดความเสี่ยงจากการลงทุนแล้ว ยังเน้นลงทุนในระยะยาว ตามตลาดก็ได้ ในขณะที่นักลงทุนแบบเก็งกำไรมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการซื้อถูกขายแพงก็ทำ เพราะมีค่าธรรมเนียมในการจัดการ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ถูก เป็นจุดเด่นที่ทำให้สามารถ ซื้อขายได้บ่อย และใช้ฝีมือของผู้ลงทุนในการจับจังหวะตลาดได้
ถือเป็นสไตล์การลงทุนอีกรูปแบบ ที่มีทั้งการกระจายความเสี่ยง ผสมกับการจับจังหวะของผู้ลงทุนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทน ได้กับดัชนีอ้างอิงทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป จีน หรือจะเป็นดัชนีหุ้นในโลก หรือ แถบเอเชีย ไม่เว้นแม้แต่ ดัชนีหุ้นไทย มีให้เลือกครบจบในที่เดียวกับกองทุนดัชนีอ้างอิงจาก บลจ.กสิกรไทย
โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน