FTSE อัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนามสู่ Emerging Market หนุนภาพบวกระยะยาว แม้ตลาดได้ปรับขึ้นรับข่าวบางส่วนแล้ว

ประเด็นร้อน : FTSE อัพเกรดตลาดหุ้นเวียดนามขึ้นสู่ Emerging Market

FTSE อัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนามสู่ Emerging Market หนุนภาพบวกระยะยาว แม้ตลาดได้ปรับขึ้นรับข่าวบางส่วนแล้ว

กดฟัง
หยุด
  • FTSE อัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนาม สู่ระดับ Emerging Market มีผล ก.ย. 2569 หลังเดินหน้าพัฒนากฎเกณฑ์และโครงสร้างตลาดต่อเนื่อ
  • K WEALTH มอง Neutral เหตุตลาดได้ Price-in ข่าวดีไปบางส่วนแล้ว แต่ระยะยาวยังน่าสนใจจากเศรษฐกิจแข็งแกร่งและ FDI ไหลเข้าไม่หยุด

ตลาดหุ้นเวียดนามถูกอัพเกรด

เมื่อคืนวันที่ 8 ต.ค. 68 FTSE Russell ประกาศเลื่อนสถานะตลาดหุ้นเวียดนามจากตลาดหุ้นกลุ่ม Frontier สู่ตลาดหุ้นกลุ่ม Emerging Market ตามคาดการณ์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ย. 69 และจะมีการทบทวนเกณฑ์อีกครั้งในเดือน มี.ค. เพื่อพิจารณาความคืบหน้าด้านการเข้าถึงของนักลงทุนต่างชาติ


FTSE ระบุถึงความคืบหน้าของตลาดหุ้นเวียดนามในการปรับโครงสร้างและพัฒนาตลาด เช่น ยกเลิกข้อกำหนดการวางเงินล่วงหน้าสำหรับนักลงทุนต่างชาติ, เปิดเสรีการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น, และใช้ระบบ KRX เพิ่มความโปร่งใสและรวดเร็ว


โดยการประกาศเลื่อนสถานะล่วงหน้าเกือบหนึ่งปี เนื่องจาก FTSE ต้องการให้หน่วยงานกำกับดูแลเตรียมความพร้อมในหลายด้าน เช่น ปรับระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์รวมถึงระดับการถือครองหุ้นของต่างชาติ, เพื่อให้เวลาสำหรับนักลงทุนสถาบันเตรียมปรับพอร์ตตามดัชนี FTSE


Related Indices & Funds

  • VN Index +0.55%

(ข้อมูลวันที่ 8 ก.ย. 2025 ณ เวลา 09.26 น.)



Market Outlook

K WEALTH มีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม โดยมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามได้ปรับตัวขึ้นมารับข่าว (Price-in) การเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญและข่าวการปรับสถานะตลาดหุ้นเวียดนามของ FTSE ไปบางส่วนแล้ว ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราส่วน Forward P/E ที่สูงสุดตั้งแต่ปลายปี 2021 ทำให้มี Upside ที่ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามในระยะยาวประเทศเวียดนามยังเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมีข้อตกลงการค้าเสรีที่ค่อนข้างครอบคลุม ทิศทางการพัฒนาประเทศเพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่ชัดเจน เม็ดเงิน FDI ที่ไหลเข้าต่อเนื่อง และคาดการณ์การเติบโต GDP ที่โดดเด่นในย่านอาเซียน


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนเดิม”
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนเวียดนาม
    • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนเวียดนาม “รอจังหวะในการลงทุน”
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-VIETNAM ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-VIETNAM : ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-VIETNAM: T+5
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6