มาตรการ “คนละครึ่งพลัส” หนุนกำลังซื้อปลายปี ขณะหุ้นไทยมูลค่าถูก P/E ต่ำกว่า -1SD แนะทยอยสะสมกองทุน ThaiESG เพื่อลดหย่อนภาษี

คนละครึ่งพลัส จะงัดเศรษฐกิจไทยไหวรึเปล่า

มาตรการ “คนละครึ่งพลัส” หนุนกำลังซื้อปลายปี ขณะหุ้นไทยมูลค่าถูก P/E ต่ำกว่า -1SD แนะทยอยสะสมกองทุน ThaiESG เพื่อลดหย่อนภาษี

กดฟัง
หยุด
  • “คนละครึ่งพลัส” โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี 2568 นี้อัดงบกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 30 ล้านคน คาดช่วยหนุนยอดค้าปลีกปี 2568 โตเพิ่มเป็น 3.1% จากเดิม 2.8% แม้เป็นแรงส่งระยะสั้นแต่ช่วยพยุงบรรยากาศเศรษฐกิจปลายปีได้
  • นโยบายคนละครึ่ง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างจำกัดเพราะเป็นการใช้เงินรัฐแทนเงินส่วนตัว ขณะที่ดัชนี RSI ค้าปลีกยังต่ำกว่า 50 ต่อเนื่อง และการแข่งขันในตลาดรุนแรงจากสินค้านำเข้าจีนที่เพิ่มขึ้นกว่า 9% YoY
  • ตลาดหุ้นไทยมีค่า P/E 13.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 15.2 เท่า และใกล้ระดับ –1 S.D. (13.7 เท่า) ขณะ EPS ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เหมาะทยอยสะสมกองทุน ThaiESG เพื่อรับโอกาสลงทุนระยะยาวพร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี

ภาพรวมมาตรการ “คนละครึ่งพลัส & เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”

รัฐบาลตั้งเป้าให้ “คนละครึ่งพลัส” เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Big Win - กระตุ้นเร็ว เข้าถึงวงกว้าง โดยมีการแบ่งกลุ่มผู้ได้รับสิทธิไว้ชัดเจน

  • ผู้มีรายได้ในระบบภาษีประมาณ 9 ล้านคน
  • ผู้มีรายได้นอกระบบภาษี 11 ล้านคน
  • ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13 ล้านคน

ทั้งหมดรวมกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศ ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือในช่วงระหว่าง 29 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2568


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เงินจำนวนนี้จะช่วยให้ ยอดขายค้าปลีกเพิ่มขึ้นราว 0.3% จากคาดการณ์เดิม ส่งผลให้ทั้งปี 2568 ค้าปลีกไทยเติบโต 3.1% จากเดิมคาดเพียง 2.8% แม้จะเป็นแรงหนุนเพียงเล็กน้อย แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซื้อยังเปราะบาง ก็ถือเป็นแรงบวกสำคัญที่พยุงบรรยากาศปลายปีได้ดี


ที่มา: KResearch


มาตรการนี้ช่วยเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างจำกัด


คำถามที่คนมักสงสัยกันคือ โครงการคนละครึ่ง จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไรและขนาดไหน มาตรการคนละครึ่ง และการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้มักเห็นผลในกลุ่มสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ประจำวัน ซึ่งคิดเป็นกว่า 80% ของยอดขายค้าปลีกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผลของมาตรการนี้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างจำกัดเนื่องจากสาเหตุดังนี้

  1. เป็นการ “นำเงินภาครัฐมาใช้แทนเงินส่วนตัวของประชาชน” จึงไม่ได้สร้างกำลังซื้อใหม่มากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยหรือ durable goods ที่ยอดขายยังซบเซา สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) ที่ยังอยู่ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องถึง 9 เดือน

  2. ที่มา: KResearch


  3. การแข่งขันในตลาดยังรุนแรงขึ้นทุกปี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการค้าปลีกกว่า 1.2 ล้านรายทั่วประเทศ และยังต้องเผชิญกับสินค้านำเข้าจากจีนที่ทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 9% YoY ในช่วง 8 เดือนแรกของปี คิดเป็น 42% ของสินค้านำเข้าทั้งหมด

  4. ที่มา: KResearch


ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า แม้มาตรการภาครัฐจะช่วยประคองเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่แรงขับเคลื่อนระยะยาวยังต้องอาศัย “รายได้จริงของประชาชน” และ “การลงทุนของภาคเอกชน” มากกว่าเงินอัดฉีดแบบครั้งคราว


ผลต่อเศรษฐกิจและมุมมองตลาดหุ้นไทย

แม้ภาพเศรษฐกิจไทยจะยังไม่สดใสมากนัก แต่ฝั่งตลาดทุนกลับสะท้อนโอกาสบางอย่าง โดยตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีค่า P/E Ratio อยู่ที่ราว 13.5 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่อยู่ระดับ 15.2 เท่า และอยู่ใกล้เคียงกับระดับ -1 S.D. ที่ 13.7 เท่า


ที่มา: Bloomberg


นั่นหมายความว่าราคาหุ้นโดยรวม “ยังไม่แพง” เมื่อเทียบกับศักยภาพกำไรของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดได้ “ผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้” มาแล้ว



ที่มา: Bloomberg


แม้ระยะสั้น Upside ของดัชนีอาจยังจำกัดจากแรงกดดันต่างประเทศแต่ในเชิงมูลค่าแล้ว ถือว่าเป็น “ช่วงสะสม” สำหรับผู้ลงทุนระยะยาวที่มองหาจังหวะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย


โอกาสลงทุนช่วงปลายปีสะสม “ThaiESG” ได้ทั้งลดหย่อนภาษีและเติบโตอย่างยั่งยืน

ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับมูลค่าที่น่าสนใจ การทยอยสะสมกองทุนหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ถือเป็นจังหวะดี ทั้งเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว การเลือกลงทุนในกองทุน ThaiESG ถือว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งสองเป้าหมาย เนื่องจากต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนภาษีไปพร้อมกับการสร้างพอร์ตลงทุนอย่างยั่งยืน


K WEALTH จึงขอแนะนำ 3 กองทุน 3 สไตล์ ตามระดับความเสี่ยงของนักลงทุน

กองทุน
ลักษณะการลงทุน
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
K-TNZ-ThaiESG
ลงทุนในหุ้นไทยคุณภาพดีที่มีแนวทาง ESG ชัดเจน
นักลงทุนที่ต้องการโอกาสเติบโต รับความผันผวนได้
K-BL30-ThaiESG
ผสมระหว่างหุ้น ESG และตราสารหนี้ ESG (สัดส่วนหุ้นไม่เกิน 30%)
นักลงทุนที่ต้องการความสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
K-ESGSI-ThaiESG
ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ ESG
นักลงทุนที่เน้นความมั่นคง รับความเสี่ยงต่ำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: KResearch, Bloomberg