ป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM 2.5 และปกป้องเงินในกระเป๋าด้วยประกันสุขภาพ D Health Plus และ Care Plus

ฤดูหนาวกับความสุขที่มาพร้อมความเสี่ยง

อากาศที่หายใจเข้าไปอาจไม่สดใสอย่างที่คิด

กดฟัง
หยุด
  • PM 2.5 คือภัยเงียบที่มาพร้อมฤดูหนาว ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงทั้งระบบทางเดินหายใจและหัวใจ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้นอย่างมาก
  • ป้องกันตัวเองได้ด้วยการตรวจสอบคุณภาพอากาศ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากาก N95 และใช้เครื่องฟอกอากาศ รวมถึงการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
  • ปกป้องเงินของคุณด้วยประกันสุขภาพ D Health Plus และ Care Plus เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุม ช่วยให้คุณมั่นใจในการเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดและลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเจ็บป่วย

เมื่อลมหนาวพัดโชยมา หลายคนคงนึกถึงบรรยากาศอันแสนสบาย การท่องเที่ยวพักผ่อน หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่รอคอยมาตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความเย็นสบายที่หลายคนปรารถนานั้น กลับซ่อนเร้นความเสี่ยงด้านสุขภาพที่มองไม่เห็น นั่นคือ “ฝุ่น PM 2.5” ฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋วที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งสามารถล่องลอยอยู่ในอากาศได้นาน และเมื่อเราหายใจเข้าไป ก็สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนลึก ไปจนถึงกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย


โรคภัยที่มากับฝุ่น PM 2.5 ภัยเงียบที่ต้องระวัง

ในช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศที่นิ่งและแห้งแล้ง ประกอบกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากยานพาหนะ อุตสาหกรรม หรือการเผาในที่โล่ง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ปริมาณฝุ่น PM 2.5 สะสมในอากาศเพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลให้คุณภาพอากาศแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะจากสถิติพบว่าในปี 2566 มีคนไทยป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศกว่า 10.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 3.6% และในปี 2567 สถิติผู้ป่วยสะสมจากมลพิษทางอากาศยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยกว่า 11.3 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้น PM 2.5 ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลงถึง 1.78 ปี และก่อให้เกิดค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพในกรุงเทพฯ สูงถึง 3,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล


ฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เพียงอาการระคายเคืองในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยเงียบที่สะสมและก่อให้เกิดโรคร้ายแรงในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่าคนทั่วไป


โรคที่มักพบจากการสัมผัส PM 2.5 เป็นเวลานาน

  • โรคทางเดินหายใจ ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋ว PM 2.5 สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง นำไปสู่การกำเริบของโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งหากมีการสะสมต่อเนื่อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดได้อีกด้วย
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด PM 2.5 สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

    เมื่อเจ็บป่วยจากโรคเหล่านี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลย่อมเป็นภาระที่หนักอึ้งต่อทั้งผู้ป่วยและครอบครัว จากข้อมูลของกรมอนามัยพบว่า ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ เช่น โรคหอบหืด อาจสูงถึง 2,752 บาทต่อครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น หากต้องเข้ารับการรักษาโรคร้ายแรง ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งสูงขึ้นเป็นหลักแสนถึงหลักล้าน ทำให้การวางแผนทางการเงินเพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง



ป้องกันตัวเอง ด้วยการวางแผนที่ดี

การรับมือกับภัยฝุ่น PM 2.5 ต้องเริ่มต้นจากการป้องกันตัวเองและการวางแผนที่ดี เพื่อสุขภาพที่ดีและอนาคตทางการเงินที่มั่นคง


วิธีป้องกันตัวเองจาก PM 2.5 ในชีวิตประจำวัน

  • ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ควรตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Air4Thai, เช็คฝุ่น (GISTDA), IQAir AirVisual, Air Matters หรือ Air Quality: Real time AQI เพื่อวางแผนกิจกรรมและเตรียมรับมือได้อย่างเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • สวมหน้ากากอนามัย เมื่อจำเป็นต้องออกนอกอาคาร ควรเลือกใช้หน้ากาก N95 ที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปกป้องบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA Filter เพื่อลดปริมาณฝุ่นภายในบ้าน

การจัดการสุขภาพเชิงรุก

การจัดการสุขภาพเชิงรุกทำได้โดยการ

  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราทราบถึงความเสี่ยงและสามารถดูแลรักษาสุขภาพได้อย่างทันท่วงที
  • ดูแลร่างกายให้แข็งแรง การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแกร่ง
  • เตรียมพร้อมทางการเงินก่อนเจ็บป่วยด้วยประกันสุขภาพที่เหมาะสม แม้จะป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว แต่ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยยังคงมีอยู่ การมีประกันสุขภาพที่เหมาะสมจึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันทางการเงินที่สำคัญ ช่วยให้เราเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่อาจเกิดขึ้น

ปกป้องเงินของเราด้วยประกันที่ใช่

ในยุคที่ฝุ่น PM 2.5 เป็นภัยคุกคามสุขภาพ การมีประกันสุขภาพถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง K WEALTH ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องคุณและคนที่คุณรักจากความเสี่ยงด้านสุขภาพและภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น


D Health Plus ประกันสุขภาพเบี้ยประหยัด คุ้มครองค่ารักษาเหมาจ่าย

D Health Plus จากธนาคารกสิกรไทย มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) สำหรับการเจ็บป่วย โรคร้ายแรง อุบัติเหตุ และโรคระบาด


จุดเด่น
  • คุ้มครองค่ารักษาเหมาจ่ายสูงสุด 5 ล้านบาทต่อครั้ง
  • คุ้มครองค่ารักษากรณีผู้ป่วยใน เหมาจ่ายตามจริง
  • ค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน เหมาจ่ายตามจริง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุม เพื่อความอุ่นใจในทุกสถานการณ์
  • คุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปี (สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี)
  • เลือกปรับแผนได้ และเพิ่มความคุ้มครองได้เมื่อถึงวัยเกษียณโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพใหม่

Care Plus ความคุ้มครองแบบ On-demand สำหรับทุกไลฟ์สไตล์

ประกัน Care Plus ค่ารักษามะเร็งและไตวายเรื้อรัง เป็นประกันที่ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง โดยสามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตนเอง


จุดเด่น
  • ประกันแบบยืดหยุ่น เลือกโรคร้ายที่กังวลได้ เหมาะกับทุกวัยและทุกไลฟ์สไตล์
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) รวมสูงสุด 10 ล้านบาทต่อปี
  • คุ้มครองโรคมะเร็งและไตวายเรื้อรัง ครอบคลุมดูแลทุกระยะถึงอายุ 99 ปี
  • ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เมื่อต้องเผชิญกับโรคร้ายแรงที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง

การมีประกันสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็น D Health Plus หรือ Care Plus จะช่วยให้คุณมีแผนสำรองด้านสุขภาพที่แข็งแกร่ง สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดได้อย่างไร้กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ความเสี่ยงด้านสุขภาพจาก PM 2.5 ยังคงอยู่


ฤดูหนาวสบายใจ เมื่อสุขภาพมีหลักประกัน

ฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ ไม่ได้นำมาเพียงความสุขจากอากาศเย็นสบายเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงจากฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นภัยเงียบต่อสุขภาพของเรา การตระหนักถึงอันตราย วางแผนป้องกัน และดูแลสุขภาพเชิงรุก จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญ


เหนือสิ่งอื่นใด การมีหลักประกันด้านสุขภาพที่ดีผ่านประกันสุขภาพที่เหมาะสม เช่น D Health Plus และ Care Plus จะช่วยให้คุณและครอบครัวสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลจากโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ PM 2.5 ก็อุ่นใจได้ว่าจะมีผู้ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ทำให้มีอิสระในการเลือกการรักษาที่ดีที่สุด และสามารถใช้ชีวิตในฤดูหนาวได้อย่างสบายใจ โดยมีสุขภาพและการเงินที่มั่นคงเป็นหลักประกัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันชีวิต




คำเตือน

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top