-
คณะกรรมการ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด พร้อมประกาศยุติมาตรการลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening) เดือนธันวาคมนี้
-
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตา ทั้งผลกระทบจากภาษีนำเข้า และความผันผวนในตลาดแรงงาน สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ยังคงถือต่อได้
Market Update
ผลการประชุม FOMC วันที่ 28-29 ต.ค. 2568 คณะกรรมการ Fed มีมติลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75–4.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดและเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีนี้
ประธาน Jerome Powell กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมไม่ใช่เรื่องที่สามารถระบุได้ล่วงหน้า ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางตลาดแรงงานชะลอตัว และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากการปิดรัฐบาล (shutdown) ที่ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนไม่ครบถ้วน
นอกจากนี้ มีการประกาศยุติมาตรการลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening) โดยขนาดงบดุลมีมูลค่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้
Related Indices
- Dow Jones -0.16%
- S&P 500 +0.0%
- NASDAQ +0.41%
(ข้อมูล ณ วันที่ 29 ต.ค. 2568)
Market Outlook
- การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ช่วยหนุนบรรยากาศตลาด แต่ Fed ยังส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่เข้าสู่รอบ easing เชิงรุกเต็มที่
- ตลาดยังคงมองว่ามีโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยต่อในสิ้นปีนี้ หากข้อมูลเงินเฟ้อและแรงงานยังชะลอตัว
- ความเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า และความผันผวนในตลาดแรงงาน
ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม
- ตัวเลข Core PCE เดือนก.ย. ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ Fed ใช้ประเมินนโยบาย
- ข้อมูลตลาดแรงงาน (Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate)
- ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังการปิดหน่วยงานบางส่วน
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 30% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 30% แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ “รอโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ”
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-USA-A(A), K-USXNDQ-A(A): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงมากกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-USA-A(A), K-USXNDQ-A(A): ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่ากว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-USXNDQ-A(A): T+3
- K-USA-A(A): T+4
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6