-
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามที่ตลาดคาดไว้ โดยยังต้องประเมินผลกระทบของภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจภายในประเทศ
-
คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย BOJ ยังคงกังวลผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง K WEALTH มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยหากถือไว้ไม่เยอะยังคงถือต่อได้
Market Update
ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 30 ต.ค. 2568 คณะกรรมการมีมติ 7:2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามคาด โดย BOJ ยังต้องประเมินผลกระทบของภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจภายในประเทศ
BOJ มีการปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นเป็น 0.7% จาก 0.6% ในการประชุมเดือน ก.ค. ขณะที่คาดการณ์ของปี 2026 ยังคงเดิมที่ 0.7% โดยยังคงมุมมองว่ามีความเสี่ยงด้านลบต่อเศรษฐกิจในปี 2026 ด้านคาดการณ์เงินเฟ้อของปีนี้และปี 2026 ยังคงเดิมที่ 2.7% และ 1.8% ตามลำดับ
ทั้งนี้ กรรมการ 2 ท่านที่ไม่เห็นด้วย มีมติให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% โดยให้เหตุผลเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
Related Indices
- Nikkei 225: +0.17%
- Topix: +0.57%
- JP 10Y Bond Yield: 1.655% +1.3 bps
- USD/JPY: 153.01 (+0.19%)
(ข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค. 2568 เวลา 10:42 น.)
Market Outlook
BOJ ยังคงกังวลผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่าจะชัดเจนขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ ประกอบกับนโยบายการคลังที่มีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้นหลังได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ทำให้คาดได้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้
K WEALTH ยังคงมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อหุ้นญี่ปุ่น
คำแนะนำการลงทุน
-
สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น “รอโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ”
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
-
ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-JPX-A(A), K-JP-A(D): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
-
นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงมากกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-JPX-A(A), K-JP-A(D): ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่ากว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
-
ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-JPX-A(A): T+3
- K-JP-A(D): T+4
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6