ประเด็นร้อน : หุ้นเทคฯ ฉุดตลาดญี่ปุ่น รอหรือถอยดี?

กดฟัง
หยุด
  • หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงแรงในเช้า 5 พ.ย. 68 ซึ่งได้รับผลกระทบจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ถูกนักลงทุนเทขายหลังประกาศคาดการณ์รายได้ต่ำกว่าคาดการณ์
  • ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น หุ้นเทคโลก ยังคงถือต่อได้ แต่หากต้องการลงทุนเพิ่ม K WEALTH แนะนำลงทุนกองทุน K-GSELECT K-ATECH ฯลฯ หรือกองทุนผสมกลุ่ม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดเช้าวันนี้ 5 พ.ย. 68 ปรับตัวลดลง สะท้อนแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ในภาวะ Risk-Off ท่ามกลางความกังวลเรื่อง Valuation ที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา การร่วงลงของหุ้นยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม AI อย่าง Super Micro Computer และ AMD ที่ถูกนักลงทุนเทขายหลังประกาศคาดการณ์รายได้ต่ำกว่าคาดการณ์


แรงขายที่เกิดขึ้นในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปยังตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่ได้อานิสงส์จากกระแส AI ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน


แรงกดดันเพิ่มเติมยังมาจากการเปิดเผยข้อมูลว่า Michael Burry นักลงทุนชื่อดังจากหนัง The Big Short ได้เปิดเผยสถานะ “Short” ต่อหุ้นเทคชื่อดังอย่าง Palantir และ Nvidia ยิ่งตอกย้ำถึงมุมมองจากฝั่ง Hedge Fund ที่เริ่มกังวลว่า Rally ของกลุ่ม AI ในรอบที่ผ่านมา “ร้อนแรงเกินไป” และเข้าสู่ภาวะ “ฟองสบู่”


ดัชนีและกองทุนที่เกี่ยวข้อง (Related Indices & Funds) ณ วันที่ 5 พ.ย. 68 เวลา 9.11 น.

  • Nikkei -4.14%
  • Topix -2.79%

มุมมองตลาด

การพักฐานในรอบนี้ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นผลสืบเนื่องจากภาวะ Overvaluation ในกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากกระแส AI ซึ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนตัดสินใจ “ขายทำกำไร” และปรับลดความเสี่ยงลง


ในส่วนของตลาดญี่ปุ่น แม้จะได้รับแรงหนุนจากการใช้นโยบายการคลังขนาดใหญ่จากนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ซึ่งช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน โดยเฉพาะความกังวลเรื่อง Valuation ที่อยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนของเสถียรภาพทางการเมือง จากการร่วมมือระหว่างพรรค LDP และ Ishin ที่ยังไม่แน่นอนในระยะยาว รวมถึงความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการคลังจากการใช้นโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย


K WEALTH จึงยังคงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น และแนะนำให้นักลงทุน “รอประเมินความชัดเจนของนโยบายเพิ่มเติม” รวมถึงจับตาผลประกอบการไตรมาส 3 หากมีการปรับฐานต่อเนื่องจนระดับราคาหุ้นเข้าสู่จุดที่เหมาะสมมากขึ้น อาจเป็นโอกาสสำหรับการทยอยเข้าสะสมในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี


เช่นเดียวกับมุมมองต่อกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี ที่ยังเป็น Neutral แม้การเติบโตจะมีความน่าสนใจ แต่ในระยะสั้นมีระดับ Valuation ที่สูง ทำให้มีความเปราะบางต่อข่าวความกังวล หรือผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ โดยมองว่าหากระดับมูลค่าลงมาสู่จุดที่เหมาะสมมากขึ้น อาจเป็นโอกาสสำหรับการทยอยเข้าสะสมในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเติบโตเด่น ธุรกิจแข็งแกร่ง


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับผู้ที่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่นอยู่ เช่น K-JP-A(D) K-JPX-A(A) กองทุนหุ้นเอเชีย เช่น K-ASIA K-ASIACV-A(A) K-ASIAX และกองทุนหุ้นเทคโนโลยี เช่น K-GTECH
    • หากในแต่ละกลุ่มกองทุนดังกล่าว มีสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของเงินลงทุน ยังให้แนะนำถือต่อได้
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% หรือมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วน (Take Profit) เพื่อล็อกผลตอบแทนและปรับพอร์ตให้สมดุล

  • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าว แนะนำลงทุนในกองแนะนำอื่น

  • สำหรับผู้ที่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเอเชีย เช่น K-ATECH
    • หากถือกองทุนกลุ่มดังกล่าว ในสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของเงินลงทุน แนะนำให้ทยอยลงทุนเพิ่มได้
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำให้หาจังหวะลดสัดส่วนลง เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว

  • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเอเชีย แนะนำทยอยลงทุนเพิ่มได้

สำหรับเงินที่ได้จากการขายคืนและเงินที่ต้องการลงทุนเพิ่ม สำหรับโดยผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยเข้าลงทุนในกองทุนแนะนำที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาว เช่น:

  • ประเทศเศรษฐกิจขยายตัวสูงอย่างอินเดียผ่านกองทุน K-INDIA ซึ่งกำลังรับอานิสงส์จากทั้งนโยบายการเงินผ่อนคลายด้วยการลดดอกเบี้ยและการกระตุ้นทางการคลังด้วยการลดภาษีบริโภค
  • กลุ่ม Defensive ไม่ว่าจะเป็น Global Healthcare ผ่านกองทุน K-GHEALTH ที่ยังคงมี Valuation อยู่ในระดับต่ำ พร้อมทั้งแนวโน้มการเติบโตจาก Longevity trend
  • กองทุนหุ้นโลกที่เน้นคัดเลือกหุ้นคุณภาพผ่านกองทุน K-GSELECT ที่มีการกระจายการลงทุนหลายภูมิภาค ลดความเสี่ยงของการกระจุกตัว
  • กองทุนหุ้นเทคโนโลยีเอเชียผ่านกองทุน K-ATECH เน้นลงทุนเทคโนโลยีในเอเซียที่ครอบคลุมกลุ่ม AI พร้องทั้ง Valuation และศักยภาพการเติบโตไม่ได้ด้อยกว่า ฝั่งสหรัฐฯ
  • ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงต่ำ แนะนำทยอยเข้าลงทุนในกองทุนผสมที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ได้แก่
    • K WealthPLUS Series ซึ่งเป็นกองทุนผสมอย่าง K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP
    • K-FIXEDPLUS-A ซึ่งเป็นกองทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว
  • ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS-A

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-GSELECT, K-INDIA-A(A), K-GHEALTH, K-ATECH: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6

  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-INDIA-A(A), K-GHEALTH: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT, K-ATECH: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-GSELECT : T+3
    • K-INDIA-A(A), K-GHEALTH, K-ATECH: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6

คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top