-
K WEALTH สรุปแนวโน้มเศรษฐกิจ และการลงทุนปี 2026 จาก JP Morgan Asset Management มาให้ผู้อ่านทุกท่านเป็น “พรสิ้นปี” พร้อมรับปี 2026
-
ปี 2026 เป็นปีที่ค่อนข้างมีความไม่แน่นอนสูง เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มร้อนแรงต้นปี แต่เย็นปลายปี การลดดอกเบี้ยของ Fed ยังค่อนข้างขึ้นกับเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นยังคงมีความคาดหวังบน AI สูง
-
พร 3 ข้อจาก K WEALTH สำหรับปรับพอร์ตสู้ปี 2026 คือ 1) ตราสารหนี้คุณภาพดี ระยะกลาง-ยาว 2) หุ้นเทคฯ มีได้ แต่อย่ามีเยอะ และ 3) กระจายการลงทุนหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นเอเชียที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่า
พร 3 ข้อจาก K WEALTH สำหรับปรับพอร์ตสู้ปี 2026 คือ 1) ตราสารหนี้คุณภาพดี ระยะกลาง-ยาว 2) หุ้นเทคฯ มีได้ แต่อย่ามีเยอะ และ 3) กระจายการลงทุนหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นเอเชียที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่า
วันนี้เลยอยากมาชวนนักลงทุนมาหาเรื่องขอพรแบบ ”นักลงทุนตัวจริง” เพื่อให้พร้อมรับมือกับปี 2026 ผ่านบทความนี้กัน!
ขอเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลกดีไหม?
เพราะเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะเป็นปีที่มีทั้ง ร้อน และ เย็น สลับกันไป
ทำไมต้นปีจะ “ร้อน (แรง)”
- ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบจัดเต็ม เช่น สหรัฐฯ มี One Big Beautiful Bill Act (OBBBA) เป็นเชื้อไฟกระตุ้นการลงทุน เพราะอนุญาตให้บริษัทในสหรัฐฯ สามารถหักค่าใช้จ่าย R&D และอุปกรณ์ได้หมด
- คนจะจับจ่ายมากขึ้น เพราะ รัฐยังมี “เงินคืนภาษีจำนวนมาก” ที่จะไปเข้ากระเป๋าผู้บริโภคช่วงต้นปี
- การลงทุนใน AI คาดยังคงพุ่งไม่หยุด (ภาพด้านล่าง) หลังเงินลงทุนบน Data Center เทียบเท่า 1.2–1.3% ของ GDP ซึ่งถือว่าเยอะมาก
ที่มา: เอกสาร 2026 Year-Ahead Investment Outlook JPMAM
พอเข้ากลาง–ปลายปี ทำไมจะ “เย็น (ชะลอความร้อนแรงลง)”
- เพราะผู้บริโภคอาจใช้จ่ายน้อยลง เนื่องจากของแพงขึ้น เพราะตัวการอย่างภาษีนำเข้าที่เป็นเรื่องใหญ่โตมาตั้งแต่ปี 2025 เริ่มกระทบต้นทุนสินค้า
- บริษัทจะจ้างงานเพิ่มได้ไม่มากเพราะข้อจำกัดด้านผู้อพยพ และด้วยความที่ปีหน้าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราจะไม่ค่อยเห็นบริษัทจ้างคนเพิ่มถ้าไม่จำเป็น
ขอพรอะไรดี ?
- ขอให้โลกใจดีกับเราบ้าง” ปี 2025 ก็หนักแล้ว ปีหน้าอย่าผันผวนเยอะนักเลย
อยากได้พรจากตราสารหนี้
ต้องยอมรับว่าปี 2025 เป็นปีที่คณะกรรมการ Fed มีความเห็นแตกต่างกันเยอะมาก บางคนอยากลดดอกเบี้ยเยอะ บางคนอยากคงดอกเบี้ย บางคนกลัวเงินเฟ้อมาก เลยทำให้ตลาดตราสารหนี้ปีนี้เหวี่ยงมาก ล่าสุดที่ Fed ออกมาลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม 2025 เสียงก็แตก (9 ต่อ 3 เสียง) และปีหน้าภาพเสียงแตกนี้ยังไม่หายไป ทำให้น่าจะเป็นปีที่ตราสารหนี้มีความผันผวนต่อ โดย 2 เหตุผลที่ทำไมเสียงยังแตกอยู่คือ
- เงินเฟ้อมีโอกาสไม่ลง ตามผลกระทบภาษีการค้า พอเงินเฟ้อไม่ลง Fed ก็จะไม่ค่อยอยากลดดอกเบี้ย เพราะลดปุ๊บเงินจะยิ่งเฟ้อ ปีหน้าเลยมีแนวโน้มสะท้อนออกมาว่าอาจเห็นลดดอกเบี้ยแค่ครั้งเดียว
- แต่เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะชะลอครึ่งปีหลัง ดังนั้นกรรมการ Fed บางส่วนก็จะอยากลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขอพรอะไรดี ?
- ขอให้ปีหน้าดอกเบี้ยจะขึ้นก็ขึ้น จะลงก็ลง เอาแน่ๆ ซักทาง คาดเดาได้ยากแบบปี 2025 ไม่ดีเลย
หุ้น AI โตแรงเกินจนต้องขออะไรซักอย่างแล้ว
ปี 2025 เป็นปีที่หุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้น Mag7 ที่เป็นผู้นำด้าน AI ปรับตัวขึ้นโดดเด่นแต่โดนกระแสเรื่อง Bubble เข้ามากดดันในช่วงท้ายปี จนนักลงทุนแพนิคหมดแล้วว่าปีหน้า AI จะยังไปต่อได้ไหม แต่จริงๆ ก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้กลุ่ม AI ยังไปต่อได้ในปี 2026 คือ
ที่มา: เอกสาร 2026 Year-Ahead Investment Outlook JPMAM
- กำไรบริษัทฯ จดทะเบียนยังมีแนวโน้มการเติบโตแบบ 2 หลัก โดยที่หุ้น Tech เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
- บริษัท AI เช่น NVIDIA มีรายได้จริงรองรับ และกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
แต่ความเสี่ยงหลักๆ ก็ยังอยู่
- ความคาดหวังตลาดค่อนข้างสูง ผลประกอบการหรือแนวโน้มผิดคาดนิดเดียว อาจโดนเทขายได้ง่ายๆ เลย
- กลุ่ม Mag7 ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาด จึงถือว่าค่อนข้างกระจุกตัว
- มีแรงกดดันเรื่องพลังงาน-ไฟฟ้าของ Data Center เข้ามา อาจเป็นตัวฉุดความเร็วการเติบโตของ AI
เนื่องจากความเสี่ยงยังมี เราก็ควรจะต้องขอพรให้ ?
- AI โตแบบแข็งแรง ไม่อยากหลอนคำว่า “AI Bubble” แล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ คงพอมีไอเดียคร่าวๆ แล้วว่าควรขออะไรบ้างให้การลงทุนปีหน้าเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เดี๋ยวก่อน วันนี้ K WEALTH ขอทำตัวเป็นซานต้าใจดี ให้พรคุณ 3 ข้อ เพื่อให้คุณพร้อมกับการลงทุนในปี 2026 กันแบบฟรีๆ ไปเลย
พร 3 ข้อจาก Santa K WEALTH
1) เพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว
เพราะตราสารหนี้คือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นตาม Theme ดอกเบี้ยขาลง และควรกระจายการลงทุนไปตราสารหนี้ทั่วโลกเพื่อลดความเสี่ยงผ่าน K-GDBOND (ตราสารหนี้ทั่วโลก) แปลว่าถ้าเศรษฐกิจชะลอตัว ตราสารหนี้จะเป็น Hero ลดความผันผวน พร้อมรับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงในช่วงที่ธนาคารกลางต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้าเศรษฐกิจดี ตราสารหนี้ก็จะเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง
2) หุ้นเทค ถือได้ แต่อย่าถือเยอะไป
สัดส่วนที่ควรมีในพอร์ตไม่ควรเกิน 20% แต่ถ้าใครยังมีไม่ถึงและอยากซื้อเพิ่ม แนะนำ K-ATECH ที่มัดรวมหุ้นเทคเอเชียที่ทั้งถูกและคุณภาพดี
3) เพิ่มน้ำหนักหุ้นต่างประเทศอื่นๆ
เน้นไปที่ประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตเด่น เช่น อินเดีย ดูง่ายๆ เส้นประสีฟ้า (อินเดีย) มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่าสหรัฐฯ (สีส้ม) ในปี 2026-2027 ถ้าชอบลงทุนในที่ๆ โตดีๆ แนะนำลงทุนผ่าน K-INDIA ถือว่าเหมาะมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: เอกสาร 2026 Year-Ahead Investment Outlook JPMorgan Asset Management