กนง.ลดดอกเบี้ย “พยุงเศรษฐกิจไทย” ท่ามกลางความเสี่ยงรุมเร้า

กดฟัง
หยุด
  • กนง. มีมติ ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวใน 2 ปีข้างหน้า และรับมือความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการและประชาชนอาจแบกรับภาระดอกเบี้ยจากหนี้สินที่มีไม่ไหว
  • K WEALTH ยังมีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อตลาดหุ้นไทย หากถือเกิน 20%ของเงินลงทุนหรือมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำทยอยขายบางส่วน เพื่อลดสัดส่วนลง
  • สำหรับตราสารหนี้ K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างเป็นบวก (Slightly Positive) หากต้องการพักเงิน 3-6 เดือน แนะนำกองทุน K-SFPLUS หากลงทุนนาน 1-1.5 ปีขึ้นไป แนะนำกองทุน K-FIXEDPLUS

กนง. มีมติ เอกฉันท์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.25%ต่อปี ในการประชุมวันที่ 17 ธันวาคม 2568 โดยมีผลทันที


เหตุผลหลักที่ กนง. ตัดสินใจลดดอกเบี้ย

  • เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม ชะลอลงชัดเจน ในปี 2569–2570 จากการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตามรายได้
  • ภาคส่งออกได้รับผลกระทบจาก มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
  • เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำมาก จากราคาพลังงานและอาหารสด ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังจำกัด
  • สินเชื่อรวมยังหดตัวต่อเนื่อง และคุณภาพสินเชื่อกลุ่มเปราะบางด้อยลง โดยเฉพาะ SMEs ที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องและผลจากเงินบาทแข็งค่า
  • กนง. เห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ และบรรเทาภาระหนี้ของครัวเรือนและภาคธุรกิจ

มุมมองเชิงนโยบาย

  • การลดดอกเบี้ยครั้งนี้สะท้อนว่า กนง. ให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
  • นโยบายการเงินจะยังอยู่ในระดับ ผ่อนคลาย (Accommodative) หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังต่ำกว่าศักยภาพ

ความเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม

  • มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มขึ้น
  • ความล่าช้าของงบประมาณปี 2570
  • การปรับตัวของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs

มุมมองการลงทุน

I: กองทุนหุ้นไทยและตลาดหุ้นไทย (SET Index)

  • 17 ธ.ค. 68 ดัชนี SET ปิดที่ 1,256.85 จุด ลดลง -3.83 จุด หรือ -0.30%
  • K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางหรือ Neutral มองว่าหุ้นไทยมี upside จำกัด โดยต้องติดตามการฟื้นตัวของรายได้ภาคเอกชนและ SMEs
  • ผู้ที่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย เช่น K-SET50 K-STAR K-VALUE
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% หรือมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วน (Take Profit) เพื่อล็อกผลตอบแทน ปรับพอร์ตให้สมดุลและอลดความผันผวนของพอร์ตลง โดยนำเงินที่ขายคืนไปลงทุนกองทุนแนะนำของ K WEALTH
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของเงินลงทุน ยังคงสามารถถือต่อได้
  • ผู้ที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น ที่ K WEALTH มีมุมมองเชิงบวกมากกว่า เช่น กองทุนหุ้นอินเดีย K-INDIA กองทุนหุ้นจีน K-CHINA กองทุนหุ้นโลก K-GSELECT หรือกองทุนผสม เช่น K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP

II: กองทุนตราสารหนี้ไทย

  • การลดดอกเบี้ยนโยบายเป็น ปัจจัยบวกโดยตรงต่อกองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะกองทุนที่มี Duration กลาง-ยาว
  • กองตราสารหนี้ ยังช่วยสร้างรายได้สม่ำเสมอ และลดความผันผวนในช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน
  • มุมมอง Slightly Positive กองทุนแนะนำได้แก่
    • กองทุน K-SFPLUS เหมาะกับการถือลงทุน 3-6 เดือนขึ้นไป
    • กองทุน K-FIXEDPLUS เหมาะกับการถือลงทุน 1-1.5 ปีขึ้นไป

III: ค่าเงินบาท (USD/THB)

  • ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนและแข็งค่าอยู่ในกลุ่มนำของภูมิภาค จากการคาดการณ์ดอกเบี้ย Fed และปัจจัยเฉพาะของไทย
    • ระยะสั้น: อาจ อ่อนค่าได้บ้าง จากส่วนต่างดอกเบี้ยที่แคบลง
    • ระยะกลาง: ยังมีแรงพยุงจาก การท่องเที่ยว, ดุลบัญชีเดินสะพัดง, เงินลงทุนจากต่างชาติ (FDI)
  • ธปท. ระบุจะ ติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพิจารณาดูแลธุรกรรมที่กดดันค่าเงิน

หมายเหตุ:
  • ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4 ได้แก่ K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5 ได้แก่ K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 ได้แก่ K-GSELECT, K-INDIA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CHINA-A(A)
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ ได้แก่ K-SFPLUS ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ ได้แก่ K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ ได้แก่ K-INDIA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CHINA-A(A) ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์)) โดย T+1 ได้แก่ K-SFPLUS T+2 ได้แก่ K-FIXEDPLUS-A T+3 ได้แก่ K-GSELECT T+4 ได้แก่ K-INDIA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CHINA-A(A) T+6 ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP

ขอบคุณข้อมูล: ธนาคารแห่งประเทศไทย (Press Release กนง. 17 ธ.ค. 2568)


คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

CIO Office at K WEALTH

Back to top