“
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กนง.มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งที่ 0.25% ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้หลังไตรมาสแรกดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มจะไม่สูงไปมากกว่านี้
• แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจลดลงในอนาคต ตราสารหนี้จะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวขึ้น และนักวิเคราะห์หลายแห่งให้ความเห็นตรงกันว่า ปีนี้เป็นปีที่ดีของการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
• แนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้ K-CASH, K-SF-A, K-CBOND-A, K-PLAN1 ให้เหมาะกับระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้ และถือให้ครบตามระยะเวลาที่แนะนำของแต่ละกองทุนเพื่อลดความผันผวน
การฝากเงินยังคงเป็นทางเลือกในการเก็บเงินสำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ได้ดอกเบี้ยแน่นอน และเงินต้นไม่หาย สำหรับคนที่ชอบฝากเงินคงอยากทราบว่าสถานการณ์ดอกเบี้ยตอนนี้เป็นอย่างไร แนวโน้มดอกเบี้ยเงินฝากในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นอีกไหม หรือมีสินทรัพย์ไหนที่น่าสนใจและมีโอกาสให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากบ้าง ติดตามได้จากบทความนี้
สถานการณ์ดอกเบี้ยปัจจุบัน
ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลายธนาคารเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำ โดยปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 0.05%-0.30% ต่อปี หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี มาอยู่ที่ 1.50% ต่อปี โดยกนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลง
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กนง.มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งที่ 0.25% ภายใน ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะมีการประชุม กนง. ครั้งถัดไปในวันที่ 29 มี.ค. 66 และอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ต่อปีไปตลอดทั้งปี 2566 ขณะที่เงินเฟ้อจะค่อยๆ ปรับลดลงสู่เป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 1%-3% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ส่งผลอย่างไร
จากสถานการณ์ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นและแนวโน้มดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2566 ส่งผลดังนี้
•หลังจากไตรมาสแรก ดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มจะไม่สูงไปมากกว่านี้ เนื่องจากมีแนวโน้มสูงที่ กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียงแค่ 1 ครั้ง โดยหลังจากไตรมาสแรกไปจนถึงสิ้นปี 66 ดอกเบี้ยเงินฝากจะคงที่ ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารกสิกรไทย ณ 30 ม.ค. 66 ในส่วนของเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ 0.25% ต่อปี ส่วนเงินฝากประจำ 3 เดือน – 36 เดือน อยู่ที่ 0.67%-1.60% ต่อปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการฝากและจำนวนเงินที่ฝาก สำหรับเงินฝากประจำทวีทรัพย์ 24 เดือนอยู่ที่ 1.90% ต่อปี
•อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนม.ค. 66 อยู่ที่ 5.02% ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 65 อยู่ที่ 6.08% ซึ่งยังสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 1%-3% ค่อนข้างมาก
ดังนั้น ดอกเบี้ยเงินฝากจะโตไม่ทันเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าของเงินลดลง แต่จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คงที่และอาจลดลงในอนาคต ตราสารหนี้จะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนตราสารหนี้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย มีมุมมองต่อตราสารหนี้ไทยว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยปัจจุบันได้สะท้อนโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำกว่า 2% ในปีนี้ และปรับขึ้นสู่ระดับ 2.20%-2.50% ในปีหน้า ทำให้ภาพรวมตลาดตราสารหนี้อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นจะได้ประโยชน์ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นจากตราสารที่ครบกำหนดจะนำไปลงทุนต่อที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่หากรับความเสี่ยงได้มากขึ้นก็สามารถเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวได้ ซึ่งอาจมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าส่วนบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้จากอัตราตอบแทนที่น่าดึงดูดใจและอัตราตอบแทนพันธบัตรที่ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายที่หลายสถาบันยังพูดตรงกันว่า ปีนี้เป็นปีที่ดีของการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น
เมื่อจังหวะและโอกาสมาถึงก็ไม่อยากให้พลาดการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง โดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ของภาคเอกชน หรือจะลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนตราสารหนี้ก็ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย ใช้เงินลงทุนต่ำกว่า และมีสภาพคล่องมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง
กองทุนตราสารหนี้ในประเทศลงทุนอะไร
กองทุนตราสารหนี้ในประเทศเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ ระดับความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 1-4 โอกาสในการขาดทุนจึงน้อยมาก โดยกองทุนตราสารหนี้จะนำเงินของผู้ลงทุนไปลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ในประเทศ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก และหุ้นกู้ของภาคเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้ โอกาสในการผิดนัดชำระหนี้จึงน้อยมาก ทำให้ผู้ลงทุนมีความสบายใจมากขึ้นในการนำเงินมาลงทุน
ภาพรวมกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ
กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ
•กองทุนตราสารหนี้สามารถแบ่งออกเป็น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กลาง และยาว ขึ้นอยู่กับอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่กองทุนนำเงินไปลงทุน ซึ่งความสั้นยาวของกองทุนตราสารหนี้จะส่งผลทั้งด้านความเสี่ยง ความผันผวน และผลตอบแทนของกองทุน โดยกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี จะมีความเสี่ยงต่ำกว่า และผันผวนน้อยกว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะยาว แต่โอกาสได้รับผลตอบแทนก็ต่ำกว่าด้วยเช่นกัน
•สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่แนะนำในช่วงนี้ได้แก่ กองทุน K-CASH, K-SF-A, K-CBOND-A และ K-PLAN1 โดยมีผลการดำเนินงานดังนี้
ที่มา: Morningstar ณ วันที่ 10 ก.พ. 66
•กองทุนตราสารหนี้แต่ละกองทุนเหมาะกับคนที่สามารถถือกองทุนได้สั้นยาวแตกต่างกัน ดังนั้น เลือกลงทุนให้เหมาะกับระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้ และถือให้ครบตามระยะเวลาที่แนะนำของแต่ละกองทุนเพื่อลดความผันผวนลง เช่น
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
•กองทุน K-CASH แนะนำถือลงทุนมากกว่า 3 วัน
•กองทุน K-SF-A แนะนำถือลงทุนมากกว่า 3 เดือน
กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง
•กองทุน K-CBOND-A แนะนำถือลงทุนมากกว่า 1 ปี
•กองทุน K-PLAN1 แนะนำถือลงทุนมากกว่า 1 ปี
การลงทุนกองทุนตราสารหนี้ในปีนี้ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการคว้าโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน หากเราเปิดใจ เริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ศึกษาทำความเข้าใจ โดยแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่เหมาะกับความเสี่ยงที่รับได้ ระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้ และถือได้ครบตามระยะเวลาที่แนะนำของแต่ละกองทุน เพียงเท่านี้เงินต้นที่มีก็สามารถงอกเงยได้มากขึ้นและโตเร็วขึ้นกว่าเดิม
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
•บลจ.กสิกรไทย, บล.กสิกรไทย, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, Morningstar, Moneybuffalo