ไม่ต้องจับจังหวะลงทุน ก็ได้ผลตอบแทนดีกว่าถือเงินสดในระยะยาว

สถิติชี้ ไม่ต้องจับจังหวะลงทุนก็สามารถทำกำไรได้มากกว่าการถือเงินสด ด้วยวิธีการลงทุนที่ง่ายที่สุดคือ DCA (Dollar-cost averaging)

เวลาผ่านมาแล้วกว่า 8 เดือน ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วที่สำคัญจะรอดพ้นจาก recession สวนทางคาดการณ์จากนักวิเคราะห์เมื่อต้นปี แม้การเติบโตจะลดลงบ้างแต่ยังนับว่าไม่น่ากังวล ส่วนเงินเฟ้อที่เป็นปัญหามานานเริ่มชะลอตัวแล้วเพียงแต่ลดลงช้ากว่าที่คาดกันไว้ มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจก็กลับกลายเป็นยังมีแนวโน้มที่ดีหนุนตลาดหุ้นไปต่อ แต่ด้วยตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวขึ้นมาตลอดปี นักลงทุนเลยมีคำว่า “ไม่กล้า” อยู่ในใจต่อจาก “ตกรถ” ที่เจอมาก่อนหน้านี้



ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น การลงทุนอย่างสมดุลมีความสำคัญมากขึ้น


แต่โชคดีที่โลกการลงทุนมีรูปแบบการลงทุนที่ช่วยแก้ปัญหาคำว่า ไม่กล้า และ ตกรถ นั่นคือ การทำ Asset Allocation ที่ช่วยให้นักลงทุนมีสัดส่วนลงทุนในแต่ละสินทรัพย์อยู่ตลอดเวลา โดยประกอบกับมุมมองการลงทุนในปัจจุบันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังมีความน่าสนใจในบางกลุ่ม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีสำหรับนักลงทุนที่เน้นการเติบโตระยะยาว กลุ่ม Healthcare สำหรับนักลงทุนที่ระมัดระวังความเสี่ยงระยะสั้นจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทางด้านเอเชียก็มีตลาดหุ้นเวียดนามและจีนที่น่าสนใจด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้น และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอดีตทำให้กลุ่มพันธบัตรก็กลับมาน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่เน้นผลตอบแทนสม่ำเสมอ


แน่นอนว่ามีคำถามที่จะเกิดขึ้นต่อว่าแล้วจะเลือกอะไรดี จัดสัดส่วนลงทุนอย่างไร รู้ได้ยังไงว่าต้องลงทุนอะไรบ้าง



การจัดพอร์ต Core&Satellite ตอบโจทย์การลงทุนอย่างสมดุล เพื่อเป้าหมายระยะยาว


มีการทำ Asset Allocation รูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Core&Satellite ซึ่งจะแบ่งพอร์ตลงทุนเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Core ทำหน้าที่เป็นแกนกลาง มีสัดส่วนมากที่สุด มีจุดประสงค์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว ดังนั้นส่วนนี้จึงต้องจัดสัดส่วนสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับเป้าหมาย และต้องมีความผันผวนไม่มาก อีกส่วน คือ Satellite ทำหน้าที่สร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม โดยด้วยการปรับสัดส่วนไปตามสินทรัพย์ที่มีปัจจัยน่าสนใจในขณะนั้น โดยหากจัดวางสัดส่วนเหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว พร้อมแก้ปัญหาการไม่กล้าและตกรถไปได้ด้วย



สถิติชี้แม้ลงทุนไม่จับจังหวะก็ยังให้ผลตอบแทนในระยะยาวดีกว่าถือเงินสด


“แล้วจะให้ลงทุนเลยเหรอ?” “ไม่ต้องจับจังหวะเหรอ? ” มีสถิติที่จัดทำโดย Barclays Private Bank ซึ่งเปิดเผยในเอกสารมุมมองครึ่งหลังของปี 2023 ด้วยการลงทุนทุกปีด้วยเงินจำนวนเท่ากันระหว่างปี 2010 ถึงเดือน พ.ค. 2023 ชี้ว่าแม้จะลงทุนในจังหวะแย่ที่สุด (จุดสูงสุดของแต่ละปี) ก็ยังสร้างผลตอบแทนมากกว่าการถือเงินสดไว้ในรูปแบบตั๋วเงินคลังตลอดเวลา ส่วนการลงทุนง่ายที่สุดที่เรียกว่า Dollar-cost averaging (DCA) กลับสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าการลงทุนในจังหวะแย่ที่สุดและการถือเงินสด จะมีก็เพียงแต่การลงทุนในจังหวะดีที่สุด (จุดต่ำสุดของแต่ละปี) ที่สร้างผลตอบแทนได้มากกว่า DCA อย่างโดดเด่น แต่การลงทุนที่จับจังหวะได้ดีขนาดนี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกความเป็นจริง


ดังนั้นการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดเพื่อตอบโจทย์การลงทุนระยะยาว ก็คือ การจัดพอร์ต Asset Allocation (Core&Satellite) และมีวินัยลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือนด้วยวิธี DCA


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer วีรพล บางแวก
Back to top