โค้งสุดท้าย ทำความรู้จัก กอง TESG ก่อนเลือกลงทุนลดหย่อนภาษี

Thailand ESG Fund เป็นกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เพิ่มสูงสุด 100,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุน SSF/RMF จะลดหย่อนได้สูงสุด 600,000 บาท

• Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) เป็นกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ESG ไทย และ/หรือตราสารหนี้ ESG ไทย ซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ และไม่เกิน 100,000 บาท พร้อมกับถือลงทุน 8 ปี นับวันชนวัน


• K-TNZ-ThaiESG เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ESG ไทย ในดัชนี SET 100 บริหารกองทุนแบบเชิงรับ คาดหวังผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี SET 100




รัฐบาลอนุมัติกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ ตามคำเรียกร้องของนักลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยตั้งชื่อว่า Thai ESG รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง ซื้อ SSF/RMF เต็มสิทธิแล้วจะซื้อได้ไหม วันนี้ KWEALTH จะไขข้อข้องใจทุกประการ



Thai ESG คืออะไร

Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) เป็นกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ESG ไทย และ/หรือตราสารหนี้ ESG ไทย ของบริษัทที่เน้นเรื่องความยั่งยืน ที่ประกอบไปด้วยการใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Environmental) ใส่ใจสังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งตนเองและสังคมได้อย่างยั่งยืน ทำให้กองทุน Thai ESG เหมาะสำหรับการออม การลงทุนในระยะยาวด้วยเช่นกัน



ข้อแตกต่างกับกองทุน SSF/RMF




กองทุน Thai ESG มีความแตกต่างกับ SSF และ RMF ใหญ่ๆ อยู่ 3 เรื่อง คือ


1.ทางเลือกนโยบายการลงทุน - กองทุนกลุ่ม SSF/RMF นั้นมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายตั้งแต่ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือทองคำ ส่วนกองทุน Thai ESG ในปัจจุบันนั้น ยังมีทางเลือกจำกัด นั่นคือ ลงทุนได้เฉพาะหุ้น ESG ไทย และตราสารหนี้ไทยที่เข้าเกณฑ์ ESG เท่านั้น


2.จำนวนเงินที่นำไปลดหย่อนภาษีได้ – เงินลงทุนใน Thai ESG นำมาลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเป็นสิทธิที่ใช้ได้เพิ่มเติมนอกเหนือจาก 500,000 บาทเดิม ทำให้สามารถนำเงินลงทุนมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นรวมเป็น 600,000 บาท


3.ระยะเวลาลงทุน - กองทุน Thai ESG ถือลงทุน 8 ปี นับแบบวันชนวัน สั้นกว่า SSF ที่ถือลงทุน 10 ปี



แนะนำกองทุน K-TNZ-ThaiESG




กองทุน K-TNZ-ThaiESG (K Target Net Zero Thai Equity Fund -ThaiESG) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ESG ไทย ในดัชนี SET 100 ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเป้าหมายช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนให้กระจกเป็นศูนย์ หรือ Target Net Zero เพื่อช่วยลดอุณหภูมิโลก ตัวอย่างเช่น บริษัทปตท. รถไฟฟ้า BTS และท่าอากาศยานไทย เป็นต้น ทั้งนี้กองทุนใช้กลยุทธ์การบริหารเชิงรับ (Passive) เพื่อเป้าหมายสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET 100 รวมถึงไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล


โดยจะเปิดให้นักลงทุนซื้อกองทุน K-TNZ-ThaiESG ในรอบ IPO ตั้งแต่วันที่ 8 – 21 ธ.ค. ในรอบแรก ซึ่งหากใครซื้อในรอบ IPO จะนับการถือ K-TNZ-ThaiESG วันแรกคือวันที่ 22 ธ.ค. ส่วนรอบการซื้อขายปกติ จะเริ่มซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.


หลายคนมีข้อกังขา เกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจที่อยู่ในกลุ่ม ESG โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาโลกร้อน จะให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคตจริงหรือ? ต้องบอกว่า เทรนด์ธุรกิจรักษ์โลกในปัจจุบัน เริ่มไม่ใช่เป็นแค่การรักษ์โลกเพื่อการโฆษณา สร้าง Branding อย่างเดียวอีกต่อไป แต่เริ่มเห็นการกีดกันทางการค้าของหลายประเทศมากยิ่งขึ้น โดยใช้ข้ออ้างเรื่องของการไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเท่าที่ควรของธุรกิจ เป็นเครื่องมือ ทำให้หลายธุรกิจที่ใส่ใจโลกไม่เท่าที่ควร ได้รับผลกระทบ หรือมีต้นทุนการค้าที่สูงขึ้น


เช่น ในยุโรป มีถึง 29 ประเทศ ที่มีการเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) สำหรับธุรกิจที่มีการผลิต จำหน่าย หรือใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน แล้วมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในกระบวนการผลิต หากมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯมาก ก็จะเสียภาษีเยอะ ส่งผลให้สินค้าที่ส่งออกไปยุโรปมีต้นทุนสูงขึ้น กระทบความสามารถในการแข่งขันให้ลดลง เมื่อเทียบกับธุรกิจที่รักษ์โลก และสุดท้ายก็จะกระทบกำไรของบริษัทในระยะยาว ซึ่งนี่ยังไม่นับเรื่องของผู้บริโภค ที่อนาคตจะสนับสนุนสินค้าของบริษัทที่ไม่รักษ์โลก น้อยลงอีกด้วย


ปัจจุบันมี 77 ประเทศ ที่ประกาศภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือ 0 ภายในปี 2593 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในอนาคต เทรนด์รักษ์โลก มาตรการการกีดกันทางการค้า กับธุรกิจที่ไม่รักษ์โลก ก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น ดังนั้นการลงทุนหุ้น ESG ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดแห่งอนาคต



ตัวเลือกกองทุนลดหย่อนฯเยอะ เลือกยังไงดี




1. ถ้ามีเงินไม่จำกัด อยากใช้สิทธิให้ครบ แนะนำเตรียมเงิน 600,000 บาท ซื้อทั้งกองทุน K-TNZ-ThaiESG 100,000 บาท และกองทุน SSF/RMF 500,000 บาท


2. ถ้ามีเงินจำกัด

a. อยากได้เงินคืนเร็ว แนะนำซื้อ K-TNZ-ThaiESG ก่อน ที่เหลือ

- กรณีอายุ < 45 ปี ซื้อ SSF ให้เต็มสิทธิก่อน ที่เหลือซื้อ RMF ให้ครบ

- กรณีอายุ > 45 ปี ซื้อ RMF ให้เต็มสิทธิก่อน ที่เหลือซื้อ SSF ให้ครบ (หากซื้อ RMF ครบ 5 แสนบาทแล้ว จะไม่สามารถซื้อ SSF เพิ่มได้)


b. อยากมีเงินใช้หลังเกษียณชัวร์ๆ

- แนะนำซื้อ RMF ให้เต็มก่อน หากเหลือให้ซื้อ SSF ให้เต็ม ตามด้วย K-TNZ-ThaiESG c. อยากได้เงินปันผลคืนระหว่างการถือครอง

- แนะนำซื้อ SSF ให้เต็มสิทธิ เพราะมีการจ่ายปันผลระหว่างทาง หากเหลือจึงซื้อ K-TNZ-ThaiESG ให้ครบ ตามด้วย RMF


c. อยากได้เงินปันผลคืนระหว่างการถือครอง

- แนะนำซื้อ SSF ให้เต็มสิทธิ เพราะมีการจ่ายปันผลระหว่างทาง หากเหลือจึงซื้อ K-TNZ-ThaiESG ให้ครบ ตามด้วย RMF



เสริมด้วยชุดกองทุน SSF/RMF แนะนำตามระดับความเสี่ยง

เมื่อทราบแล้วว่าควรซื้อกองทุนประเภทใด ก่อนหลัง ทางกสิกรไทยก็มีกองทุนSSF/RMF แนะนำตามระดับความเสี่ยงช่วยเสริมสูตรด้านบน ให้ครบถ้วนด้วยดังนี้

1. หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำ K-SF-SSF, KSFRMF

2. หากรับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำ K-GINCOME-SSF, KGINCOMERMF, WPBALANCEDRMF

3. หากรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ K-VIETNAM-SSF, K-CHANGE-SSF, K-USA-SSF, WPULTIMATERMF, KUSARMF, KCHANGERMF, KGTECHRMF



ซื้อ Thai ESG/SSF/RMF กับกสิกรไทย มีโปรโมชัน

โค้งสุดท้ายปลายปี กสิกรไทยมีโปรโมชันซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ทุก 50,000 บาท รับ Fund Back สูงสุด 1,200 บาท โดยแบ่งเป็นซื้อกองทุน SSF/RMF รับ K-FIXEDPLUS-A สูงสุด 1,000 บาท และหากซื้อกองทุน K-TNZ-ThaiESG จะได้รับ K-FIXEDPLUS-A สูงสุด 200 บาท โดยสามารถซื้อได้ผ่านแอป KPLUS, K-My Fund, K-Cyber Invest เงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางธนาคารกำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-8888888 กด 806



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer มนัสวี เด็ดอนันต์กุล AFPT™
Back to top