มะเร็งลำไส้ ตรวจพบได้ไว รักษาได้ทันเวลา
โรคมะเร็งลำไส้ เป็นหนึ่งในชนิดของโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในประเทศไทย โรคนี้เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์ในส่วนของลำไส้ใหญ่และไส้ตรง การได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยให้แพทย์สามารถกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและเริ่มการรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และลดโอกาสที่อาการจะทวีความรุนแรงขึ้น หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การมีความรู้ความเข้าใจและข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
อาการและปัจจัยเสี่ยง
มะเร็งลำไส้จะมีอาการคล้ายกับโรคกระเพาะ ปล่อยไว้อาจเป็นอันตราย ผู้ป่วยมักมีอาการเตือน เช่น เลือดออกทางทวารหนัก ท้องผูก และปวดท้อง ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ อายุ ประวัติครอบครัว และการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง จากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ 11, 496 ราย/ปี เสียชีวิต 6,845 ราย/ปี รองจากมะเร็งตับ ปอด และเต้านม
มะเร็งลำไส้ใหญ่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกวัย แต่มักพบในผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่ตรวจพบในระยะที่เป็นมากแล้ว ทำให้เสี่ยงเสียชีวิตสูง ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ทันเวลา ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายขาด
แนวทางการรักษาและค่าใช้จ่าย
การรักษามะเร็งลำไส้ มีวิธีการรักษาได้หลายวิธี ในบางกรณีอาจต้องทำการรักษาหลายวิธีร่วมกัน เช่น การผ่าตัดเพื่อตัดเนื้อมะเร็งออก และการรักษาเสริมอย่างการเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจยังเหลืออยู่หลังการผ่าตัด
การใช้วิธีการรักษาร่วมกันเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดมะเร็งให้หมดไป และป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับเป็นซ้ำในอนาคต
นอกจากนี้ การรักษาแบบผสมผสานยังช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาแต่ละวิธีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การใช้ยาเป้าหมายเฉพาะ หรือการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
เปิดโผค่ารักษาโรคมะเร็งลำไส้แต่ละวิธี
ประมาณค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่ละแบบ
• Chemotherapy (ยาเคมีบําบัด) : ค่ารักษาประมาณ 40,000 – 450,000 บาท /เดือน
• Targeted Therapy (การรักษาแบบเฉพาะเจาะจง) : 300,000 บาทต่อเดือน
• Immunotherapy (ยาภูมิคุ้มกันบำบัด) : ค่ารักษาเริ่มต้นประมาณ 3-15 ล้านบาท/ปี
จะเห็นได้ว่า การรักษามะเร็งมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่มีประกันสุขภาพ ค่ารักษาอาจเป็นภาระทางการเงินอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพร้อมด้วยการมีประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงที่ครอบคลุม จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ป่วยสามารถมุ่งเน้นการรักษาได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก
วิธีเลือกประกันสุขภาพ
วิธีเลือกประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงเพื่อให้ครอบคลุมโรคมะเร็งลำไส้มีสิ่งที่ควรพิจารณาดังนี้
• ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายซึ่งกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อปีหรือต่อครั้ง
• ให้วงเงินความคุ้มครองสูง เช่น 5 ล้านบาทต่อครั้ง หรือ 20-100 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้ครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง
• ครอบคลุมวิธีการรักษาสมัยใหม่ เช่น การรักษาแบบเฉพาะเจาะจง (Targeted Therapy)
• คุ้มครองการรักษาทุกระยะของโรคร้ายแรง ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นถึงระยะรุนแรง
การตรวจและวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงในระยะเริ่มต้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงที่การรักษาจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีโอกาสหายขาดได้สูง นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงได้อีกด้วย การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ตรวจพบโรคได้ในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสการรักษาให้หายขาดที่สูงขึ้นด้วย
การดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมมีความสำคัญต่อการป้องกันโรค การเน้นการสร้างเสริมสุขภาพและปรับพฤติกรรมที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว สร้างความตระหนักถึงความสำคัญนี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีได้
อ้างอิงจาก
• https://everyone.org/explore/treatment/?id=12 (ข้อมูลปี 2024 ค้นข้อมูลวันที่ 3 กรกฏาคม พ.ศ. 2567)
• https://www.webmd.com/cancer/targeted-therapy-cancer (ข้อมูลตีพิมพ์ปี 2567ค้นข้อมูลวันที่ 3 กรกฏาคม พ.ศ. 2567)
• https://canceriec.md.chula.ac.th/types-of-immunotherapy ( ค้นข้อมูลวันที่ 3 กรกฏาคม พ.ศ. 2567)