ประเด็นร้อน: Fed คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ลุ้นลดดอกเบี้ยก.ย.นี้

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.25% ถึง 5.50% ลุ้นลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป หุ้นจีนฟื้นแรงหลังตัวเลขตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาดหวังการกระตุ้นจากทางการจีน

• ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.25% ถึง 5.50% ซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบสองทศวรรษ เป็นไปตามคาดการณ์ พร้อมส่งสัญญาณอาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ หากเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงมาที่ระดับเป้าหมาย 2%


• เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้ดี เงินเฟ้อชะลอตัวลงใกล้เข้าสู่เป้าหมายของ Fed ที่ 2% ดังนั้น K WEALTH มองว่าหุ้นสหรัฐระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการเลือกตั้ง รวมถึงมูลค่าค่อนข้างอยู่ในระดับสูง รวมถึงอาจมีความผันผวนจากช่วงเปิดเผยผลประกอบการ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ที่อาจจะกดดันตลาดได้ จึงมีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ


• ตัวเลข PMI ภาคการผลิตจีน เดือน ก.ค. อ่อนแอประกอบกับท่าทีเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นของเจ้าหน้าที่รัฐบาล โดยตลาดคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่เดือนต่อจากนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอและฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาด ดังนั้น K WEALTH จึงยังมีมุมมองเป็น Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นจีน




ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25-5.50% ตามคาดการณ์ แต่ได้สงสัญญาณว่าว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ถ้าเกิดเห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีความสมดุลมากขึ้นระหว่างเงินเฟ้อที่มีโอกาสที่จะลดลงเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% และ ตลาดแรงงานมีความร้อนแรงลดน้อยลง แต่ยังคงขอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อและการจ้างงานเพิ่มเติมเพื่อมีให้มีความมั่นใจมากขึ้น ก่อนจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน


ในแถลงการณ์หลังการประชุมรอบนี้ มีการเน้นเรื่องเรื่องหน้าที่ของธนาคารกลางเรื่องการรักษาเสถียรภาพของระดับราคาและการจ้างงานที่เต็มประสิทธิภาพ (dual mandate) โคยครั้งก่อนเน้นเพียงแค่ความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ให้ความเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่ไม่คาดคิดนั้นลดลงแล้ว ส่วนตลาดแรงงานมองยังคงแข็งแกร่งแต่ชะลอตัวเล็กน้อย การจ้างงานลดลง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2564 แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ



มุมมองการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ในการประชุมครั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีท่าทีที่ Dovish มากขึ้น ภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมยังแข็งแกร่ง GDP ไตรมาส 2/67 เติบโตดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เงินเฟ้อที่อยู่ในช่วงขาลง โอกาสการเกิด Recession มีน้อยลงมาก และคาดว่า Fed จะมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งปลายปีนี้ ในช่วงเดือนกันยายน


จากทิศทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปี รวมถึงกระแส AI ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สะท้อนผ่านระดับมูลค่าที่ตึงตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้ Upside มีค่อนข้างจำกัด และเริ่มเห็นแรงกดดันจากผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ดังนั้น K WEALTH จึงมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ



คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นสหรัฐฯ

• คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นสหรัฐฯ เช่น กองทุน K-USA, K-USXNDQ, K-US500X ดังนี้

o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น ๆ ด้านล่าง

o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ แนะนำถือลงทุนต่อ หรือหากมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำให้ทยอยขายทำกำไร



ตลาดหุ้นจีนบวกแรง แม้ตัวเลข Manufacturing PMI อ่อนแอกว่าที่คาด

เมื่อวานนี้ 31 ก.ค. 67 ดัชนีหุ้นจีน (CSI 300) ดัชนีหุ้นฮ่องกง Hang Seng (HSI) ปรับตัวบวกกว่า 2% แม้ดัชนี Manufacturing PMI ของ Caixin ในเดือน ก.ค. 67 อยู่ที่ 49.8 ต่ำกว่าคาดที่ 51.4 และลดลงจาก 51.8 จุด ในเดือน มิ.ย. 67แสดงให้เห็นถึงการหดตัวของภาคการผลิต เป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ต.ค. สาเหตุหลักมาจากการขึ้นกำแพงภาษีของยุโรปต่อสินค้าจีน โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้นักลงทุนในตลาดมองว่า เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ 5% ทางการจีนน่าจะทำการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคต



มุมมองการลงทุน

ความเคลื่อนไหวของทางการจีนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สะท้อนความตั้งใจใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและชัดเจนกว่าปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอและฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาด อีกทั้งยังคงต้องรอนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนจากทางการจีนมากขึ้น ดังนั้น K WEALTH จึงยังมีมุมมองเป็น Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นจีน



คำแนะนำการลงทุนกองทุนจีน มีดังนี้

คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CCTV และ K-CHX ดังนี้

o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น ๆ ด้านล่าง

o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน แนะนำถือลงทุนต่อ หรือหากมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำให้ทยอยขายทำกำไร



สำหรับกองทุนแนะนำอื่น มีดังนี้

• สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น

o หากไม่สามารถรับความเสี่ยงการลงทุนต่างประเทศได้ แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี

o ชอบกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศบางส่วน แนะนำพิจารณาลงทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี


• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น และไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง หรือกองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Investing, Bloomberg, CNBC

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”


*กองทุน K-GHEALTH และ K-VIETNAM มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A และ K-SFPLUS มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH
Back to top