ภาษีเงินได้ ที่ต้องยื่น คำนวณ และชำระเพิ่มหรือขอคืนกันอยู่ทุกปี สิ่งที่สามารถใช้ลดภาษีส่วนนี้ลงได้ คือ การใช้ค่าลดหย่อนที่มีให้มากหรือคุ้มค่าที่สุดในทุกปี ซึ่งค่าลดหย่อนที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษี 2567 นี้ได้ K WEALTH นำมาสรุปให้ทุกคนเข้าใจเพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้เหมาะสม
I: รวมรายการค่าลดหย่อนจากค่าใช้จ่าย 2567
หมายถึง ค่าลดหย่อนที่เกิดจากเงินที่แต่ละคนต้องจ่ายไปอยู่แล้ว โดยสามาถนำมายื่นเพื่อขอลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นหากใครรู้ตัวว่าต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่าลืมเช็กสิทธิเหล่านี้และรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เงินที่จ่ายไปแล้ว สามารถเปลี่ยนเป็นเงินคืนภาษีกลับมาได้ 5%-35% ตามฐานภาษีตัวเอง โดยค่าลดหย่อนและเงื่อนไขการใช้สิทธิที่ว่า ได้แก่
II: ค่าลดหย่อนภาษี 2567 สำหรับสถานภาพครอบครัว
หมายถึง ค่าลดหย่อนจากสิทธิที่แต่ละคนมีติดตัวหรือจากสถานภาพที่เป็นอยู่ เช่น แต่งงาน มีลูก หรือดูแลพ่อแม่ ซึ่งหลายคนอาจลืมหรือไม่รู้ว่าสิทธิหรือสถานภาพนั้นสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้น เราควรเช็กสิทธิที่ตนเองมีอยู่ก่อนว่ามีอะไรบ้าง และนำมาใช้เป็นค่าลดหย่อนอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยลดภาระภาษีให้น้อยลงโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเหมือนค่าลดหย่อนกลุ่มอื่น โดยค่าลดหย่อนและเงื่อนไขการใช้สิทธิที่ว่า ได้แก่
III: สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี 2567 จากการออมและลงทุน
หมายถึง ค่าลดหย่อนที่เกิดจากทางเลือกหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อย่างกองทุน SSF/RMF/Thai ESG/ประกันชีวิต/สุขภาพ โดยเงินที่จ่ายไปกับทางเลือกเหล่านี้นอกจากนำไปลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังเป็นการต่อยอดเงินให้งอกเงย หรือปกป้องเงินในกระเป๋าเราจากเหตุไม่คาดฝันได้ โดยค่าลดหย่อนและเงื่อนไขการใช้สิทธิที่ว่า ได้แก่
ลดหย่อนภาษี 2567 เลือกสิทธิให้เหมาะกับคุณ
เมื่อทางเลือกในการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมมีหลากหลาย ทั้งกองทุนและประกันชีวิต/สุขภาพ แต่ด้วยเงินที่อาจมีอยู่จำกัด ทาง K WEALTH จึงมีคำแนะนำกับผู้ที่กำลังตัดสินใจว่า ปีนี้จะนำเงินที่มีไปเลือกใช้ลดหย่อนภาษีทางไหนดี ให้เหมาะกับความต้องการหรือความกังวลใจของตนเอง
1) มีครอบครัว ต้องดูแล
แนะนำเน้นลดหย่อนด้วยประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ ซึ่งเบี้ยประกันที่จ่ายในแต่ละปีนอกจากลดหย่อนภาษีแล้ว ยังแปลงเป็นความคุ้มครองชีวิต มีเงินก้อนให้กับคนในครอบครัวหากเราจากไปอย่างกะทันหัน ตัวอย่างเช่น ผู้ชายอายุ 40 ปี ต้องการนำเบี้ยประกันชีวิตปีละ 100,000 บาท ไปลดหย่อนภาษี
• เพื่อสร้างความคุ้มครองชีวิต แนะนำแบบประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ ที่ไม่มีเงินคืนระหว่างสัญญา
• เพื่อเป็นเงินเก็บหรือมีเงินคืน ไปพร้อมกับการสร้างความคุ้มครองชีวิต แนะนำแบบประกันชีวิตที่มีระยะเวลาความคุ้มครองสั้นลง เช่น
หรือหากต้องการความคุ้มครองชีวิตที่สูงขึ้น โดยจ่ายเบี้ยประกันได้มากกว่า 1 แสนบาท เช่น ปีละ 1 ล้านบาท (เบี้ยลดหย่อนภาษีได้ 1 แสนบาท) แนะนำประกันชีวิต พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/5 หรือประกันชีวิต พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/10 ที่สร้างความคุ้มครองชีวิตได้สูงถึง 13,585,000 บาท และ 21,934,000 บาท ตามลำดับ ซึ่งหากพิจารณาสัดส่วนความคุ้มครองชีวิตต่อเบี้ยประกันแล้ว ประกันชีวิต พรีเมียร์ เลกาซี่ เป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองสูงกว่าประกันชีวิตทั่วไป
2) ห่วงค่ารักษาพยาบาล ยามเจ็บป่วย
แนะนำเน้นลดหย่อนด้วยประกันสุขภาพ ซึ่งเบี้ยประกันที่จ่ายในแต่ละปีนอกจากลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังแปลงเป็นความคุ้มครองวงเงินค่ารักษาพยาบาล รองรับค่าใช้จ่ายเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล เช่น
• เน้นลดหย่อนภาษีเป็นหลัก เบี้ยประกันทุกบาทที่จ่ายไปต้องลดหย่อนภาษีได้ โดยมองว่าความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเป็นของแถม แนะนำสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ D Health Plus ที่ได้ความคุ้มครองวงเงินค่ารักษาพยาบาลกรณีนอนโรงพยาบาล ครั้งละ 5 ล้านบาท เช่น
• เน้นความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเป็นหลัก จ่ายค่าเบี้ยได้มากกว่าปีละ 25,000 บาท มองสิทธิลดหย่อนภาษีเป็นของแถมหรือเสมือนส่วนลดค่าเบี้ยประกันในรูปแบบเงินคืนภาษี แนะนำสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ Elite Health Plus ที่ได้ความคุ้มครองวงเงินค่ารักษาพยาบาลกรณีนอนโรงพยาบาล สูงถึงปีละ 20-100 ล้านบาทขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก เช่น แผนที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลปีละ 20 ล้านบาท เฉพาะประเทศไทย ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ค่าเบี้ยประกันตอนอายุ 25 ปี 40 ปี และ 60 ปี อยู่ที่ปีละ 25,116 บาท 36,618 บาท และ 79,544 บาท ตามลำดับ
3) ต้องการให้เป็นเงินเก็บ แบบเซฟๆ
แนะนำลดหย่อนด้วยประกันชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์ที่มีเงินคืนแน่นอนตามสัญญา หรือกองทุนลดหย่อนภาษีที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เช่น
• ประกันชีวิตออมสั้น คืนไว 11/3 ด้วยเบี้ยประกันที่จ่ายไปปีละ 100,000 บาท ไป 3 ปี จะมีเงินคืนและเงินครบรวมตลอดสัญญา 11 ปี 339,000 บาท หรือคิดเป็นส่วนต่างผลประโยชน์เทียบค่าเบี้ยประกันที่ 39,000 บาท
• กองทุน K-SF-SSF ซึ่งเป็นกองทุน SSF นำมาลดหย่อนภาษีได้ 30%ของเงินได้ที่เสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท กองทุนนำไปลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ/ภาคเอกชน และเงินฝาก ฯลฯ
• กองทุน
K-ESGSI-ThaiESG ซึ่งเป็นกองทุน Thai ESG นำมาลดหย่อนภาษีได้ 30%ของเงินได้ที่เสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท กองทุนนำไปลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability – linked bond)
4) อยากเป็นเงินลงทุน เพิ่มผลตอบแทน
แนะนำลดหย่อนในทางเลือกที่เป็นกองทุนลดหย่อนภาษี ที่เป็นกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้น หรือรวมถึงประกันชีวิตแบบมีเงินปันผล ที่มีโอกาสลุ้นรับผลตอบแทน เช่น
• กองทุน K-GINCOME-SSF เป็นกองทุน SSF ลดหย่อนภาษี กองทุนนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก ฯลฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง
• กองทุน K-TNZ-ThaiESG เป็นกองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษี กองทุนนำไปลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET100 TRI และเป็นบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย
• ประกันชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์ 315 มีเงินปันผล (Global) ด้วยเบี้ยประกันที่จ่ายไปปีละ 100,000 บาท ไป 3 ปี นอกจากมีเงินคืนและเงินครบรวมตลอดสัญญา 15 ปี ที่แน่นอน 335,980 บาท หรือคิดเป็นส่วนต่างผลประโยชน์เทียบค่าเบี้ยประกันที่ 35,980 บาทแล้ว ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากเงินปันผลเมื่อครบสัญญา 15 ปีด้วย
5) อยากสะสมเงิน ไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ
แนะนำลดหย่อนในทางเลือกกองทุน RMF ลดหย่อนภาษี ที่เป็นกองทุนผสม ประกันชีวิตเพื่อการเกษียณอายุหรือประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกออกแบบให้ได้รับเงินก้อนหรือเงินคืนรายงวดหลังเกษียณอายุ เช่น
• เน้นเพิ่มผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาว แนะนำ กองทุน KGINCOMERMF ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก
• สะสมเงินไว้ในที่ปลอดภัย แนะนำประกันชีวิตที่มีเงินคืนแน่นอนตามสัญญา เช่น
ทางเลือกลดหย่อนภาษีมีอยู่หลากหลาย หากเลือกใช้ได้เหมาะสมนอกจากได้เงินคืนภาษีหรือจ่ายเพิ่มน้อยลงแล้ว ยังถูกสะสมไว้ไปต่อยอดเงินให้งอกเงยสอดคล้องกับเงื่อนไขระยะเวลาของสรรพากร หรือช่วยจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันได้อีกด้วย