สร้างความมั่งคั่งด้วยกองทุน KUS500XRMF

บทความนี้จะแนะนำนักลงทุนที่มีเป้าหมายในการลงทุนในระยะยาวและได้สิทธิประโยชน์เพื่อลดหย่อนภาษี ซึ่งการลงทุนในกองทุน Passive ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มีความสะดวก ที่สามารถดูการเคลื่อนไหวได้ตลอด รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงมากนักอีกด้วย แล้วจะลงทุนกองทุน Pass

• ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนที่มีกลยุทธ์แบบ passive ที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องไปกับผลการดำเนินงานของดัชนีชี้วัด ได้รับความสนใจและกำลังแพร่หลายทั่วโลกเพราะเป็นทางเลือกการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนสมเหตุสมผล ชนะเงินเฟ้อในระยะยาว และง่ายต่อการลงทุนและติดตามอีกด้วย


• ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากการลงทุนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งแล้วยังรวมไปถึงการใช้หักภาษีได้อีกทางหนึ่งจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้น ดังนั้นการลงทุนในกองทุน K US Equity Passive RMF (KUS500XRMF) ที่สร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องไปกับดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเติบโตมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการออมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว





KUS500RMF ตัวเลือกหนึ่งในการลงทุนระยะยาวเพื่อบรรลุเป้าหมายการเกษียณ

การกำหนดวัยเกษียณอายุและการวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงในปัจจุบันเนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยทำให้เรามีชีวิตที่ยาวนานขึ้นซึ่งก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยพื้นฐานการวางแผนที่ดีนั้นควรจะสามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ว่า ตัวเราเองนั้นควรมีเงินเก็บเท่าไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ K Wealth แนะนำการลงทุนที่ได้ประโยชน์ทั้งจากการลดหย่อนภาษีและสร้างผลตอบแทนที่ดีระยะยาวในกองทุน KUS500XRMF ที่เน้นลงทุนใน iShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ที่จะมีการนำเสนอแก่นักลงทุน IPO ตั้งแต่วันที่ 14-20 สิงหาคม 67 นี้



กลยุทธ์ลงทุนแบบ Passive ดียังไง

สำหรับนักลงทุนที่เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นหรือไม่มีเวลาในการหาข้อมูลเพื่อเลือกเฟ้นหุ้นที่โดดเด่นจากปัจจัยพื้นฐาน รวมทั้งหาจังหวะเหมาะสมในการลงทุน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งแนวคิดกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive หรือการลงทุนที่ล้อไปกับดัชนีต่างๆ อาจช่วยได้โดยไม่ต้องยุ่งยาก ซึ่งการลงทุนแบบ Passive นั้นถึงแม้จะดูเรียบง่าย หากแต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เงินลงทุนของเราสามารถงอกเงยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยช่วยกระจายความเสี่ยง มีต้นทุนต่ำ ให้ผลตอบแทนที่ดี เป็นทางเลือกการลงทุนที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโลกการลงทุนได้อย่างสะดวกและมั่นใจ



กองทุน Passive ลงทุนง่ายโดยไม่ต้องทำ Market Timming

หลายคนคงมีคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเราควรลงทุนในจังหวะไหนดี ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแต่ก็กลัวว่ามันจะลงไปมากกว่าเดิมอีก ถ้าลงทุนตอนนี้แล้วปีหน้าจะเกิดวิกฤตไหมหรือให้รอไปลงทุนปีหน้าเลยดีกว่าหรือเปล่า คำถามก็จะวนเวียนกลับมาถามเราซ้ำๆ ซึ่งถ้าเป้าหมายของเราคือการลงทุนแบบสบายใจไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นแล้วล่ะก็ กลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA ที่สามารถลงทุนได้ระยะยาว 10 ปีขึ้นไปคือคำตอบ ดังจะเห็นใน (ภาพที่ 3) หากเราลงทุนใน iShares Core S&P 500 ETF ตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปี 2024 เป็นเวลาทั้งหมด 120 เดือน จะเห็นได้ว่าเดือนที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก มีทั้งหมด 81 เดือน (68%) และเดือนที่ให้ผลตอบแทนเป็นลบ 39 เดือน (33%)


ถ้าดูตามตัวเลขแล้วสำหรับนักลงทุนระยะยาว เราสามารถลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ตลอดเวลาด้วยลงทุนแบบ DCA ที่สามารถลดความเสี่ยงด้าน Market Timing Risk ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยให้เรามีโอกาสลงทุนในช่วงที่สินทรัพย์มีราคาลดลงก็ทำให้ประสิทธิภาพการลงทุนของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพราะ ยังไงแล้วเราก็จะเจอเดือนที่ผลตอบแทนดี และเดือนที่ผลตอบแทนติดลบแน่นอน แค่เราไม่รู้ว่าตอนไหนจะเกิดอะไรขึ้นและก็ไม่มีใครบนโลกนี้รู้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการพยายามจับจังหวะลงทุนในระยะสั้นๆ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับผลตอบแทนระยะยาวใน 10 ปีข้างหน้าของเราเท่าไหร่ มีแต่จะยิ่งทำให้เราตัดสินใจลงทุนช้าลง จนพลาดโอกาสดีๆ เท่านั้นเอง


ภาพที่ 3 ผลตอบแทนรายเดือนกองทุน iShares Core S&P 500 ETF ตั้งแต่ปี 2014-2024



ที่มา iShare.com ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024

*ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต



ลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกา ลงทุนดัชนี S&P500

การลงทุนปัจจุบันเราเลี่ยงไม่ได้เลยว่า ตลาดหุ้นของสหรัฐมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งที่เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งรวมหุ้นชั้นนำ ขนาดใหญ่ คุณภาพสูง มีความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และสามารถขยายการเติบโตไปทั่วโลกได้ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่รวมบริษัทชั้นนำเหล่านั้นในสหรัฐจำนวน 500 บริษัทด้วยกันที่มีมูลค่าเกือบ 70 – 80% ของหุ้นทั้งหมดในสหรัฐฯ และเป็นครื่องมือในการดูทิศทางของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ด้วยมูลค่าหุ้นที่สูงมากนี่เองเมื่อราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวขึ้นหรือลงอย่างมีนัยยะก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกด้วยเช่นกัน


ภาพที่ 1 ตัวอย่างหุ้น 10 อันดับแรกใน iShares Core S&P 500 UCITS ETF และสัดส่วนรายอุตสาหกรรม



สำหรับการพิจารณาดัชนี S&P 500 ยังสามารถบ่งชี้ได้ว่า หุ้นตัวนั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคตหากเทียบกับการลงทุนในหุ้นทั่วๆ ไป ส่งผลให้นักลงทุนหลายๆ คนจึงเลือกที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีดัชนี S&P 500 เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน เห็นได้จากตัวอย่างหุ้น 10 อันดับแรกของดัชนี S&P500 ในภาพที่ 1 เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักเป็นอย่างดีทั้งในแง่ของสินค้าที่กระจายไปทั่วโลกหรืออัตราผลตอบแทนของราคาหุ้นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง



ผลตอบแทนย้อนหลังที่น่าสนใจ ผ่านวิกฤตมาแล้วมากมาย

ถ้าพูดถึงวิกฤตล่าสุดอย่าง Covid-19 ในปี 2020 ที่ผ่านมาหลายคนคงได้เห็นมาแล้วในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยดัชนี S&P500 ได้ปรับลงกว่า 30% ภายใน 1 เดือนหลังการแพร่ระบาด แต่หลายครั้งที่ผ่านมา หลังตลาดหุ้นสหรัฐเกิดวิกฤตก็จะมีการฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วและขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในปีนั้นเองดัชนี S&P500 สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ +18.5% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง +28.7% ในปี 2021 (อ้างอิงจากภาพที่ 2) และเมื่อดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง 10 ปีของดัชนี S&P500 ก็สร้างผลตอบแทนได้น่าสนใจด้วยเช่นกันประมาณ 12.8% ต่อปี (ที่มา iShares Core S&P 500 ETF ณ วันที่ 30 มิ.ย. 67) ซึ่งหากเรามองเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะให้บรรลุเป้าหมายของเราที่ได้ตั้งไว้ การลงทุนใน ดัชนี S&P500 ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน


ภาพที่ 2 ผลตอบแทนกองทุน iShares Core S&P 500 ETF เติบโตตามดัชนี S&P500



ที่มา KA ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024

*ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต



ก่อนลงทุนในกองทุน RMF เราควรรู้เรื่องอะไรบ้าง

สำหรับใครที่กำลังวางแผนในการลดหย่อนภาษี หลายๆ คนคงทราบเงื่อนไขการลงทุนใน RMF เป็นอย่างดีแต่ด้วยกฎเกณฑ์ต่างมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่ตลอกเวลา จึงขอมีการสรุปไว้เบื้องต้นใน ภาพที่ 4




ภาพที่ 4 เกณฑ์การลงทุนใน RMF


แต่หลายคนรู้บ้างไหมว่าการลงทุนใน RMF นั้นมีมากมายหลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ซึ่งข้อดีนี้เองนักลงทุนสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน (Switching) ระหว่างกอง RMF ด้วยกันเองได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขทางภาษี และหากสับเปลี่ยนภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) เดียวกันจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการสับเปลี่ยนอีกด้วย นั่นจึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนของเราอีกด้วย อย่างเช่นเมื่อมีอายุใกล้ที่จะเกษียณ เราอาจมีการปรับพอร์ตจากการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงมายังการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เพื่อเตรียมพร้อมในวันที่เราจะใช้เงินก้อนนั้นในวันที่เราเกษียณนั่นเอง


ท่านผู้อ่านได้เห็นไหมครับว่า ในทุกวันนี้เรามีเครื่องมือมากมายในการวางแผนทางการเงินเพื่อเป้าหมายในวันที่เราเกษียณ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ไม่ต่างกับวันที่เรายังสามารถหาเงินมาเองได้ ทั้งนี้ K WEALTH ที่เห็นความสำคัญถึงการวางแผนการเงินเพื่อให้เราทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ ผ่านกองทุน KUS500XRMF ที่สามารถนำไปลดหย่อนหักออกจากรายได้ทั้งทำให้สามารถประหยัดทั้งภาษีและสร้างความมั่งคั่งไปพร้อมกัน



,

คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH กิตติภพ เรืองอ่อน
Back to top