ประเด็นร้อน: GDP ไทยไตรมาส 2 โตเกินคาด รับนายกฯใหม่

• นักลงทุนรอความชัดเจนของนโยบายโดยเฉพาะทิศทางนโยบาย Digital Wallet ว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ หลังจากมีการโปรดเกล้านายกคนที่ 31 และตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดจากตัวเลขส่งออกและภาคบริการที่เติบโตดี


• ตลาดหุ้นไทยยังคงต้องการมาตรการกระตุ้นที่ชัดเจนทั้งมาตรการการเงินและการคลัง ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่ลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากความผันผวนทางด้านการเมือง ทำให้ K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย ยังคงต้องรอความชัดเจนหลังจากนี้ตอนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกครั้ง





โปรดเกล้านายกคนที่ 31 จากพรรคเพื่อไทย

วันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.) สภามีมติเลือก น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 และมีการโปรดเกล้าดำรงตำแหน่งเมื่อวานนี้ (18 ส.ค.) โดยมีการแถลงข่าวครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งมีการเปิดเผยชัดเจนว่าจะมีการใช้มาตรการกระตุ้น แต่ยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจน โดยเฉพาะทิศทางนโยบาย Digital Wallet ว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่



ประกาศตัวเลข GDP ไทย ไตรมาส 2 ปรับตัวดีขึ้น

วันนี้ 9.30 สภาพัฒฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ปี 67 ขยายตัว 2.3% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรก 1.5% เป็นผลมาจากตัวเลขการส่งออกขยายตัว 1.9% และการบริโภคภาคเอกชน 4.0% แต่ตัวเลขที่ปรับลดลงได้แก่ตัวเลข การลงทุนรวมติดลบ 6.2% ดยการลงทุนเอกชน ติดลบ 6.8% ส่วนการลงทุนภาครัฐติดลบ 4.3% ภาคการเกษตร ติดลบ 1.1% โดยทางสภาพัฒฯ ให้ความเห็นว่า ในช่วงที่เหลือของปี 67 จะมีปัจจัยบวกจาก นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ การขยายตัสของภาคการบริโภคในประเทศ และการขยายตัวของการส่งออกของสินค้าไทยตามการฟื้นตัวของการค้าโลก



มุมมองต่อการลงทุนตลาดหุ้นไทย

กองทุน K-SELECT เป็นกองทุนหุ้นไทยแบบ High Conviction กระจุกตัวอยู่ประมาณ 20-25 ตัว ทำให้มีความผันผวนสูง ซึ่งการปรับตัวบวกมาจากหุ้นในกลุ่ม Leasing เช่น MTC และ SAWAD ที่มีปัจจัยบวกจากงบที่ดีกว่าที่คาด


แต่ในภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงต้องการมาตรการกระตุ้นที่ชัดเจนจากภาครัฐ ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่ลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากความผันผวนทางด้านการเมือง และแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรของไทยยังไม่ถูกปรับเพิ่ม ทำให้ K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย ยังคงต้องรอความชัดเจนหลังจากนี้ตอนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกครั้ง



คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นไทย

• คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทย มีดังนี้

o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น

o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย แนะนำถือลงทุนต่อ หรือหากมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำให้ทยอยขายทำกำไร และลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น



สำหรับกองทุนแนะนำอื่น มีดังนี้

• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น

o หากไม่สามารถรับความเสี่ยงการลงทุนต่างประเทศได้ แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี

o มีความสนใจกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศบางส่วน แนะนำพิจารณาลงทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี


• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น และไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง หรือกองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Investing, สภาพัฒน์ฯ

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด


คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH
Back to top