ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดที่หลายคนพูดถึงและเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสการเติบโตของเงินลงทุน ด้วยเศรษฐกิจของเวียดนามที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และตลาดหุ้นมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง ตลาดหุ้นเวียดนามมีลักษณะอย่างไร และมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง K WEALTH จะมาแนะนำตลาดหุ้นเวียดนาม อีกหนึ่งตลาดการลงทุนที่น่าสนใจในเวลานี้
ทำความรู้จักตลาดหุ้นเวียดนาม
ตลาดหุ้นเวียดนามประกอบด้วย 2 ตลาดหลัก ได้แก่
- ตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HOSE) เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของเวียดนามและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม คล้ายกับตลาดหลักทรัพย์ SET ของไทย โดยมีหุ้นจดทะเบียนอยู่ในตลาด 394 ตัว และมีมูลค่าตลาด 211,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 10 ก.ย. 67 สำหรับดัชนีหลักในตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ ได้แก่ ดัชนี VN Index ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ และดัชนี VN 30 Index ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้น 30 ตัวแรกตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์
- ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (HNX) เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของเวียดนามและมีขนาดเล็กกว่าตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ ซึ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดมักเป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก คล้ายกับตลาดหลักทรัพย์ MAI ของไทย โดยมีหุ้นจดทะเบียนอยู่ในตลาด 305 ตัว และมีมูลค่าตลาด 12,178 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 10 ก.ย. 67 โดยมีดัชนี HNX Index ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย
นอกจากนี้ ในตลาดหลักทรัพย์ฮานอยยังมีตลาดย่อยอีกหนึ่งตลาดคือ UPCom (Unlisted Public Company Limited) ซึ่งเป็นกระดานซื้อขายหุ้นของบริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งมีกฎระเบียบในการเข้าจดทะเบียนที่น้อยกว่าเพื่อให้บริษัทเอกชนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ โดยมีหุ้นจดทะเบียนอยู่ในตลาด 877 ตัว และมีมูลค่าตลาด 58,633 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 10 ก.ย. 67 โดยมีดัชนี VHU Index เป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ UPCom
บริษัทในตลาดหุ้นเวียดนามที่น่าสนใจ
ขอยกตัวอย่างบริษัทในตลาดหุ้นเวียดนามที่น่าสนใจ ได้แก่
FPT Corporation (FPT)
บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเวียดนามที่ดำเนินธุรกิจหลากหลาย มีจุดแข็งที่โดดเด่นในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการให้บริการด้านไอทีครบวงจร และยังมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านการปรึกษาและพัฒนาระบบธุรกิจดิจิทัล อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น IoT, AI และ Big Data ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชียที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพในการแข่งขันสูงในระดับสากล
Vinamilk (VNM)
บริษัทอุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำของเวียดนาม มีความโดดเด่นในด้านการผลิตนมสดคุณภาพสูง และมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์นมและอาหารอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมการผลิต ทำให้ Vinamilk สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดนมในเวียดนามมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Vinamilk ยังมีความโดดเด่นในด้านการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังหลายประเทศในภูมิภาคและทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Vinamilk เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม
Sabeco (SAB)
บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ของเวียดนาม ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแบรนด์ชั้นนำมากมายที่เป็นที่นิยมในตลาดเวียดนาม เช่น Bia Saigon, 333, Saigon Special และ Lac Viet เป็นต้น บริษัทมีโรงงานผลิตครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Sabeco ยังเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวียดนามด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 60% ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และการยอมรับของผู้บริโภค ดังนั้น Sabeco จึงเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเวียดนาม
Airports Corporation of Vietnam (ACV)
บริษัทชั้นนำในด้านการบริหารจัดการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบินของเวียดนาม โดยเป็นผู้ดูแลและพัฒนาท่าอากาศยาน 22 แห่งทั่วประเทศเวียดนาม ซึ่งครอบคลุมท่าอากาศยานหลักทั้งในกรุงฮานอยและเมืองโฮจิมินห์ จุดเด่นของ ACV คือการให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากล ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในเวียดนามที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจ
ปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นเวียดนาม ได้แก่
1. เศรษฐกิจเวียดนามมีอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่ง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6-7% ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ
2. ตลาดหลักทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HOSE) และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (HNX) เป็นตลาดหลักของเวียดนาม โดยมีสินทรัพย์จดทะเบียนมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
3. บริษัทมีศักยภาพในการเติบโต บริษัทชั้นนำของเวียดนามอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน โทรคมนาคม ธนาคาร และการท่องเที่ยว ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตและเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ นอกจากนี้ เวียดนามยังมีค่าแรงราคาไม่แพง ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจในเวียดนามต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
ดังนั้น ตลาดหุ้นเวียดนามจึงเป็นตลาดที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนและแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เช่น ความเสี่ยงด้านการเมืองและกฎระเบียบต่างๆ ที่เคร่งครัด ความผันผวนของตลาดหุ้นเนื่องจากเป็นตลาดชายขอบจึงมีความผันผวนมากกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว รวมถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย
ช่องทางการลงทุน
การลงทุนในหุ้นเวียดนามสามารถทำได้ 2 ช่องทางด้วยกันคือ
1. การลงทุนตรงในตลาดหุ้นเวียดนาม โดยการเปิดบัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศกับโบรกเกอร์ในประเทศไทย
2. การลงทุนผ่านตลาดหุ้นในประเทศไทย ได้แก่
- ลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นเวียดนาม โดยการเปิดบัญชีกองทุนรวม
- ลงทุนผ่าน Depositary Receipt (DR) ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งที่จดทะเบียนซื้อขายได้เหมือนหุ้น โดยการเปิดบัญชีหลักทรัพย์ประเภทเดียวกับบัญชีหลักทรัพย์ทั่วไป
คำแนะนำจาก K WEALTH
K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างบวก (Slightly Positive) ต่อตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากการส่งออกและการผลิตที่แข็งแกร่ง ช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาคบริการฟื้นตัวมาก่อน และแรงกดดันค่าเงินดองลดลงชัดเจน
นอกจากนี้ ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) มีแนวโน้มดีขึ้น แต่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากความกังวลยอดสินเชื่อที่เติบโตลดลง ด้านมูลค่าตลาดหุ้นเวียดนามต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และประมาณการกำไรยังเติบโตดีกว่าภูมิภาคอื่น ทำให้ K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างบวกต่อตลาดหุ้นเวียดนาม
กองทุนเวียดนามแนะนำ
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนเวียดนาม K WEALTH มีกองทุนแนะนำดังนี้
• กองทุน K-VIETNAM*
ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามและหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เหมาะกับการลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ขอแนะนำ
• กองทุน K-VIETNAM-SSF*
เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว โดยสามารถถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
• กองทุน KVIETNAMRMF*
เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อใช้ในวัยเกษียณ
คำแนะนำการลงทุน
- ผู้ลงทุนที่มีกองทุนหุ้นเวียดนามอยู่แล้ว
• หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุน แนะนำทยอยสะสมเพิ่มได้
• หากมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุน แนะนำทยอยลดสัดส่วนให้เหลือไม่เกิน 30%
- ผู้ลงทุนที่ยังไม่มีกองทุนหุ้นเวียดนาม
แนะนำทยอยสะสมได้
การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ก่อนการตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ติดตามสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
*คำเตือน
• กองทุนมีระดับความเสี่ยงที่ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ)
• มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
• ขายคืนได้ทุกวันทำการ โดยจะได้รับเงินค่าขายคืน 5 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+5) เช่น ขายคืนวันพุธ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันพุธ (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์)
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
• บลจ.กสิกรไทย, SET Investnow, Bloomberg