ลงทุนเติบโตไปกับหุ้นไบโอเทค

หุ้นกลุ่ม Biotech ทำผลแทนโดดเด่นเหนือ Healthcare กลุ่มอื่นๆในช่วงที่ผ่านมา จากอานิสงค์ของดอกเบี้ยที่กำลังจะเป็นขาลงและการสับเปลี่ยนกลุ่มลงทุน อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตของรายได้สูงที่สุด ดังนั้นบทความนี้จะแนะนำให้รู้จักกองทุน T-BIOTECH ทั้งนโยบาย

• กลุ่ม Biotech เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นกลุ่มที่รายได้เติบโตได้ดีที่สุดในช่วงที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ Healthcare กลุ่มอื่นๆ และในอนาคตกลุ่ม Biotech ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากตามการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุและความต้องการในพัฒนายารักษาโรคใหม่และเก่า


• วันนี้ K-WEALTH จึงอยากแนะนำกองทุน T-BIOTECH โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้น Biotech ทั่วโลก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้น growth แต่ราคายังไม่แพง และยังได้อานิสงค์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง





ธุรกิจ Biotech กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

หากพูดถึงหุ้นกลุ่ม Healthcare หลายคนคงนึกถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพหรือยาเป็นต้น ซึ่งธุรกิจ Healthcare ในแง่ของการลงทุนก็มักถูกเหมารวมว่าเป็นกลุ่ม Defensive แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว Healthcare ยังมีอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ที่น่าสนใจและเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นั่นก็คือกลุ่ม Biotech ซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยถึง 13% ต่อปี สูงที่สุดเมื่อเทียบกับ Healthcare กลุ่มอื่นๆ





โอกาสลงทุนในธุรกิจ Biotech มาถึงแล้ว

Biotech คือ การนำเอาเทคโนโลยีหรือความรู้ทางชีววิทยามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่างๆ โดยในด้านการแพทย์ไบโอเทคถูกนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคยากๆ ให้ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษา และยิ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพก็เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างมากในแง่ของการรักษา ช่วยลดการใช้สารเคมี เช่น แทนที่ผู้ป่วยมะเร็งจะต้องฉายรังสีหรือผ่าตัด แต่ด้วย Biotechnology สามารถพัฒนายารักษาโรคมะเร็งได้ในระดับเซลล์ เช่นภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ การชะลอการแบ่งเซลล์ของมะเร็ง ซึ่งช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจะดีขึ้นในช่วงเวลาที่รักษาตัว ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ดี นับเป็นการเพิ่มโอกาสมีอายุยืนยาวมากขึ้น


ในอนาคตอุตสาหกรรม Biotech ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากตามการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายในด้านสุขภาพที่สูง รวมถึงเทคโนลยีที่จะเข้ามาช่วยคิดค้นยารักษาทั้งโรคเก่าโรคใหม่ให้ได้มากขึ้น จะทำให้กลุ่ม Biotech ได้ปรับประโยชน์และเติบโตตามไปด้วย



ลงทุนในหุ้น Biotech ได้ง่ายๆ ผ่านกองทุน TBIOTECH

หลายคนที่อยากลงทุนในหุ้น Biotech แต่ยังไม่มีความชำนาญในการคัดเลือกหุ้นเอง หรือไม่อยากรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หนึ่งในทางเลือกที่ดีคือการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น Biotech ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม Biotech คัดเลือกและบริหารจัดการลงทุน โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ผ่านกองทุน “TISCO Biotechnology Healthcare Fund” (TBIOTECH) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี (Biotechnology) การวินิจฉัยโรค (Diagnostics) และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Sciences Tools) ทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Polar Capital Funds plc – Biotechnology โดยปัจุบันกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 90% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ



จุดเด่นของกองทุน TBIOTECH

1. ทีมผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการลงทุนหุ้นกลุ่ม Healthcare/Biotech ผู้จัดการกองทุน : David Pinniger, CFA บริหารกองทุนหลักตั้งแต่จัดตั้งกองทุน และมีประสบการณ์มากกวว่า 23 ปีในธุรกิจ Healthcare นอกจากนี้ยังมีทีมผู้จัดการกองทุน นักวิเคราะห์ ทีมวิจัยอีกหลายท่านที่เชี่ยวชาญเฉพาะอุตสาหกรรม Healthcare


2. ลงทุนในหุ้น Biotech ทั่วโลกราว 40-60 ตัว และกระจายการลงทุนในหุ้น Biotech หลากหลายกลุ่ม


3. ผลการดำเนินงานโดดเด่น ดีกว่าดัชนีชี้วัด (Nasdaq Biotech index) ทั้งช่วงเวลา YTD ,1 ปี, 3 ปี และ 5 ปี



ที่มา : Polar Capital as of 30 ส.ค. 2567



ตัวอย่างหุ้นใน Portfolio กองทุนหลัก


Vertex Pharmaceutical
คิดค้นพัฒนาผลิตชีวเภสัชภัณฑ์โดยเน้นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรม
Amgen
บริษัทชั้นนำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โดยมุ่งช่วยเหลือผู้ป่วยในหลายกลุ่ม เช่น โรคกระดูก โรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ และโรคมะเร็ง หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Amgen คือ เครื่องกระตุ้นภูมิคุ้มกัน Neulasta ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัดโดยเฉพาะ
Regeneron Pharmaceutical
บริษัทยาขนาดใหญ่สัญชาติอเมริกัน ผลิตยารักษาหลากหลายโรค โดยตัวยาหลักของบริษัท ได้แก่ ยา Eylea ซึ่งเป็นยาสำหรับฉีดรักษาโรคเกี่ยวกับตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet AMD) ที่มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ หรือภาวะเบาหวานขึ้นตา นอกจากนี้ยังมียาอื่นๆ เช่น Dupixent ซึ่งเป็นยาสำหรับโรคผิวหนังอักเสบ และ Libtayo ยาสำหรับรักษามะเร็งผิวหนัง
Argenx
บริษัทชีววิทยาทางยา จากเนเธอร์แลนด์ ที่วิจัยและพัฒนายารักษาโรคต่างๆ เช่น ยาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกัน โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิต้านทานบกพร่อง
Rhythm Pharmaceuticals
บริษัทชีวเวชภัณฑ์เน้นการพัฒนาและจำหน่ายยาสำหรับรักษาความผิดปกติทางพันธุกรรมหายากของโรคอ้วน นอกจากนี้ยังมียารักษาโรคอื่นๆ เช่น โรคทางเดินอาหาร


ได้เวลาลงทุนในหุ้น Biotech แล้วหรือยัง?

หากพิจรณาจากผลตอบแทนย้อนหลังในอดีตพบว่า กลุ่ม Biotech เป็นหุ้นเติบโตที่ราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโดยรวมและกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้กลุ่มนี้เริ่มเป็นที่หมายตาของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นเติบโตแต่ราคายังไม่แพง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นแนวโน้มขาลง ซึ่งหุ้นกลุ่ม Biotech จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากกว่ากลุ่มอื่นๆ


อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หนุนการเติบโตของกลุ่ม Biotech คือ การอนุมัติยาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยให้มนุษย์คิดค้นยาได้เร็วขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้กลับมาอนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี และเพิ่มขึ้นถึง 100% จากปีก่อนหน้า โดยสัดส่วนยาที่ถูกอนุมัติที่เป็นยากลุ่ม Biological มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากจำนวนยาที่อนุมัติจะเพิ่มขึ้นแล้ว แนวโน้มของการควบรวมกิจการ (M&A) ยังเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยจากข้อมูลจาก JPMorgan จะเห็นว่าจำนวนของการควบรวมกิจการของธุรกิจ Biotech เพิ่มขึ้นทั้งไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังหาก Fed มีการลดอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้การควบรวมกิจการของกลุ่มนี้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น


ราคาหุ้นกลุ่ม Biotech ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก



การควบรวมกิจการ(M&A)เพิ่มขึ้นในปีนี้




กล่าวโดยสรุปกลุ่ม Biotech เป็นกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจในการลงทุนในปัจจุบัน นอกเหนือจากโอกาสในการเติบโตในระยะยาว ปัจจุบันราคาที่ยังไม่แพง และยังมีปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง แนวโน้มการอนุมัติยารวมถึงการควบรวมกิจการ (M&A) ที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้น Growth แต่อยากกระจายการลงทุนออกจากกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้แนะนำสัดส่วนหรับการถือกองทุนประเภท Healthcare รวมกันไม่ควรเกิน 30% ของพอร์ต โดยสามารถทำรายการซื้อ-ขายได้ผ่าน Application K PLUS ตามวันและเวลาที่ระบุในหนังสือชี้ชวน




คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH ปาณิศา เจียรพุฒิ
Back to top