สอบถามเรื่องการเงินหรือนัดผู้เชี่ยวชาญวางแผนการลงทุนได้เลย เพียงสแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อนกับ Line KBank Live
สแกน QR Code โดยใช้ กล้องมือถือ หรือ LINE เพื่อดำเนินการต่อบน LINE KBank Live
สอบถามเรื่องการเงิน หรือ สอบถามผู้เชี่ยวชาญ วางแผนการลงทุนได้เลย โทร. 02-8888888 กด 865
สอบถามเรื่องการเงิน หรือ นัดผู้เชี่ยวชาญวางแผนการลงทุนได้เลย
เพียงสแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อนกับ
สมัครสมาชิก K WAELTH ฟรี
รวมรายการสิทธิค่าหักลดหย่อนภาษี ปี 2567
ThaiESG / SSF / RMF กองทุนลดหย่อนภาษี
กองทุนรวมแนะนำจาก K WEALTH
มุมมองตลาด
เทคนิคการเก็บเงินให้พอใช้หลังเกษียณ
ค้นหา ผลิตภัณฑ์ กองทุน ประกัน ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
พูดคำที่คุณต้องการค้นหา
ไม่เข้าใจ หรือไม่สามารถตรวจสอบได้
วันที่ 12 กันยายน 2567
หุ้นกลุ่ม Biotech ทำผลแทนโดดเด่นเหนือ Healthcare กลุ่มอื่นๆในช่วงที่ผ่านมา จากอานิสงค์ของดอกเบี้ยที่กำลังจะเป็นขาลงและการสับเปลี่ยนกลุ่มลงทุน อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตของรายได้สูงที่สุด ดังนั้นบทความนี้จะแนะนำให้รู้จักกองทุน T-BIOTECH ทั้งนโยบาย
หากพูดถึงหุ้นกลุ่ม Healthcare หลายคนคงนึกถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพหรือยาเป็นต้น ซึ่งธุรกิจ Healthcare ในแง่ของการลงทุนก็มักถูกเหมารวมว่าเป็นกลุ่ม Defensive แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว Healthcare ยังมีอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ที่น่าสนใจและเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นั่นก็คือกลุ่ม Biotech ซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยถึง 13% ต่อปี สูงที่สุดเมื่อเทียบกับ Healthcare กลุ่มอื่นๆ
Biotech คือ การนำเอาเทคโนโลยีหรือความรู้ทางชีววิทยามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่างๆ โดยในด้านการแพทย์ไบโอเทคถูกนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคยากๆ ให้ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษา และยิ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพก็เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างมากในแง่ของการรักษา ช่วยลดการใช้สารเคมี เช่น แทนที่ผู้ป่วยมะเร็งจะต้องฉายรังสีหรือผ่าตัด แต่ด้วย Biotechnology สามารถพัฒนายารักษาโรคมะเร็งได้ในระดับเซลล์ เช่นภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ การชะลอการแบ่งเซลล์ของมะเร็ง ซึ่งช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจะดีขึ้นในช่วงเวลาที่รักษาตัว ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ดี นับเป็นการเพิ่มโอกาสมีอายุยืนยาวมากขึ้น
ในอนาคตอุตสาหกรรม Biotech ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากตามการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายในด้านสุขภาพที่สูง รวมถึงเทคโนลยีที่จะเข้ามาช่วยคิดค้นยารักษาทั้งโรคเก่าโรคใหม่ให้ได้มากขึ้น จะทำให้กลุ่ม Biotech ได้ปรับประโยชน์และเติบโตตามไปด้วย
หลายคนที่อยากลงทุนในหุ้น Biotech แต่ยังไม่มีความชำนาญในการคัดเลือกหุ้นเอง หรือไม่อยากรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หนึ่งในทางเลือกที่ดีคือการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น Biotech ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม Biotech คัดเลือกและบริหารจัดการลงทุน โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ผ่านกองทุน “TISCO Biotechnology Healthcare Fund” (TBIOTECH) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี (Biotechnology) การวินิจฉัยโรค (Diagnostics) และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Sciences Tools) ทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Polar Capital Funds plc – Biotechnology โดยปัจุบันกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 90% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ
1. ทีมผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการลงทุนหุ้นกลุ่ม Healthcare/Biotech ผู้จัดการกองทุน : David Pinniger, CFA บริหารกองทุนหลักตั้งแต่จัดตั้งกองทุน และมีประสบการณ์มากกวว่า 23 ปีในธุรกิจ Healthcare นอกจากนี้ยังมีทีมผู้จัดการกองทุน นักวิเคราะห์ ทีมวิจัยอีกหลายท่านที่เชี่ยวชาญเฉพาะอุตสาหกรรม Healthcare
2. ลงทุนในหุ้น Biotech ทั่วโลกราว 40-60 ตัว และกระจายการลงทุนในหุ้น Biotech หลากหลายกลุ่ม
3. ผลการดำเนินงานโดดเด่น ดีกว่าดัชนีชี้วัด (Nasdaq Biotech index) ทั้งช่วงเวลา YTD ,1 ปี, 3 ปี และ 5 ปี
ที่มา : Polar Capital as of 30 ส.ค. 2567
หากพิจรณาจากผลตอบแทนย้อนหลังในอดีตพบว่า กลุ่ม Biotech เป็นหุ้นเติบโตที่ราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโดยรวมและกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้กลุ่มนี้เริ่มเป็นที่หมายตาของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นเติบโตแต่ราคายังไม่แพง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นแนวโน้มขาลง ซึ่งหุ้นกลุ่ม Biotech จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หนุนการเติบโตของกลุ่ม Biotech คือ การอนุมัติยาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยให้มนุษย์คิดค้นยาได้เร็วขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้กลับมาอนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี และเพิ่มขึ้นถึง 100% จากปีก่อนหน้า โดยสัดส่วนยาที่ถูกอนุมัติที่เป็นยากลุ่ม Biological มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากจำนวนยาที่อนุมัติจะเพิ่มขึ้นแล้ว แนวโน้มของการควบรวมกิจการ (M&A) ยังเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยจากข้อมูลจาก JPMorgan จะเห็นว่าจำนวนของการควบรวมกิจการของธุรกิจ Biotech เพิ่มขึ้นทั้งไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังหาก Fed มีการลดอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้การควบรวมกิจการของกลุ่มนี้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
ราคาหุ้นกลุ่ม Biotech ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก
การควบรวมกิจการ(M&A)เพิ่มขึ้นในปีนี้
กล่าวโดยสรุปกลุ่ม Biotech เป็นกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจในการลงทุนในปัจจุบัน นอกเหนือจากโอกาสในการเติบโตในระยะยาว ปัจจุบันราคาที่ยังไม่แพง และยังมีปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง แนวโน้มการอนุมัติยารวมถึงการควบรวมกิจการ (M&A) ที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้น Growth แต่อยากกระจายการลงทุนออกจากกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้แนะนำสัดส่วนหรับการถือกองทุนประเภท Healthcare รวมกันไม่ควรเกิน 30% ของพอร์ต โดยสามารถทำรายการซื้อ-ขายได้ผ่าน Application K PLUS ตามวันและเวลาที่ระบุในหนังสือชี้ชวน
โดยใช้กล้องมือถือ หรือ LINE เพื่อดำเนินการต่อบน K PLUS
รับข่าวสารการเงินผ่าน LINE KBank Live อัปเดตได้ทุกที่ ทันทุกสถานการณ์ ตามติดทุกเทรนด์การลงทุน