K WEALTH / บทความ / Wealth Management / เพราะโลกเปลี่ยนแปลงบ่อย อัปเดตเทรนด์กันหน่อย ลงทุนไหนดี
17 กันยายน 2567
4 นาที

เพราะโลกเปลี่ยนแปลงบ่อย อัปเดตเทรนด์กันหน่อย ลงทุนไหนดี


​​​​​​​​​​​​“

• มี 3 เทรนด์ที่น่าจับตาเป็นโอกาสในการลงทุนที่เหมาะกับปัจจุบัน คือ เทรนด์ Digital Life หรือ การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน, Generation Wellbeing เทรนด์กระแสการบริโภคของคน Gen Z และ Gen Alpha ที่เน้นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ (Well-being) และยั่งยืน ซึ่งจะทำให้การลงทุนเปิดกว้างขึ้น และ กลุ่ม Infrastructure ที่เหมาะกับสถานการณ์ยุคดอกเบี้ยขาลง


• เราแนะนำลงทุนในกองทุน K-HIT-A(A) ที่มีการลงทุนในกระแส Megatrends ที่กำลังจะมาในอนาคตไว้ให้แล้ว 5-7 Theme มีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ทุกปี เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและอยากลงทุนเกาะกระแสไปกับ Megatrends ในอนาคต และมีจุดเด่นคือผลตอบแทนของกองทุนหลักสามารถเอาชนะหุ้นโลกในระยะยาว




​ท่ามกลางโลกในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้เข้ามาแทรกซึมวิถีชีวิตเราในแต่ละวัน ให้ได้รับความสะดวกสบายขึ้น แน่นอนว่าบนความเปลี่ยนแปลง ธุรกิจต่างๆ ต้องตื่นตัวและปรับตัวให้ได้ตลอดเวลาเพื่อให้สินค้าและบริการของตนเองตอบโจทย์และเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ ไม่มีใครคาดเดาได้แน่ชัดว่าในอีก 10-20 ปี ต่อจากนี้โลกเราจะเป็นอย่างไร


สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเราไปแล้ว ซึ่งกลุ่มที่เติบโตมากับเทคโนโลยีอย่าง Gen Z และ Gen Alpha (เกิดในช่วง พ.ศ. 2539 - 2555) กำลังอยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัวและกำลังเติบโตคาดว่าจะกลายเป็นผู้มีกำลังซื้อหลักและจะเป็นผู้พลิกโฉมเศรษฐกิจโลกต่อจากนี้​


​วันนี้ทาง K WEALTH มี 3 เทรนด์ที่น่าจับตาและมองเห็นโอกาสการลงทุนที่เหมาะกับปัจจุบัน รวมถึงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอีก 10-20 ปีข้างหน้า นั่นก็คือ เทรนด์ Digital Life, Generation Wellbeing และ กลุ่ม Infrastructure ที่เหมาะกับสถานการณ์ยุคดอกเบี้ยขาลง



เทรนด์ Digital Life กุมวิถีชีวิตใหม่ของผู้คน

ที่เห็นได้ชัด คือ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เช่น Iphone ของค่าย Apple ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่จำเป็นของทุกคน ด้วยฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์หลากหลายทั้งใช้ในการหาข้อมูล การทำงาน การเรียน ความบันเทิง ติดต่อสื่อสาร ปัจจุบันสมาร์ทโฟนยังใช้ในการยืนยันแสดงตัวตน หรือแม้กระทั่งการควบคุมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคที่อยู่ห่างไกล ฯลฯ กล่าวได้ว่าการมีสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวก็แทบเหมือนยกบ้านหรือออฟฟิตมาอยู่ในมือ หลายบริษัทจึงมีการร่วมมือกับองค์กรใหญ่ เช่น Microsoft เพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีที่มาเพิ่มประโยชน์ให้กับสินค้าของตน อย่าง KBTG ที่นำแพลตฟอร์มของ Microsoft มาต่อยอด App K PLUS เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น เสริมความปลอดภัยของระบบ ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพขึ้น ​


​ยกตัวอย่างอีกบริษัทที่น่าสนใจคือ ServiceNow ที่องค์กรใหญ่ทั่วโลกนำระบบ Single Cloud Platform มาช่วยให้ทุกแผนกในองค์กรทำงานง่ายขึ้น เช่น ช่วยวางโครงสร้างรูปแบบการทำงานด้วย Intelligent Workflows, ลดความซับซ้อนของ IT Service, มีระบบช่วยให้พนักงานและลูกค้าสามารถ requests ได้โดยตรงทำให้จัดการปัญหาเชิงลึกได้ตรงจุดมากขึ้น


ขณะที่โลกของเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างไม่รู้จบ อีกด้านการคุ้มครองความปลอดภัย (Cybersecurity) ของระบบเหล่านี้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะมักมีกลุ่มแฮกเกอร์ค่อยสร้างความปั่นป่วน ทำให้ธุรกิจ Cybersecurity เติบโตได้ดี เช่น บริษัท Crowdstrike ที่ให้บริการโซลูชันป้องกันการเข้าถึงแอปพลิเคชันและการโจมตีในระบบคอมพิวเตอร์ (Endpoint Protection) โดยใช้เทคโนโลยีประมวลผลข้อมูลและ AI ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ยอมซื้อบริการเหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหายของข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาล ในปี 2566 ที่ผ่านมามีข้อมูลว่า ผู้ให้บริการและผู้ผลิตซอฟต์แวร์ทั่วโลกสูญเสียเม็ดเงินจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์กว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์ (ที่มา: Allianz Global Investors) ดังนั้น บริษัทผู้พัฒนาระบบ Firewall ป้องกันการแฮ็กข้อมูล การตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์ จึงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีขนานกับการพัฒนาเทคโนโลยีเช่นกัน ​



เจาะพฤติกรรม Gen Z-Alpha ที่คาดว่าจะเป็นผู้พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก

มีงานวิจัยของ NielsenIQ (“NIQ”) ร่วมมือกับ World Data Lab (WDL) รายงานเนื้อหาที่น่าสนใจว่า กลุ่ม Gen Z มีประมาณ 2,000 ล้านคนของประชากรโลก (คิดเป็น 25%) จะมีกำลังซื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและจะมีถึง 12 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 440.5 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 ทำให้พวกเขาอาจกลายเป็นรุ่นที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในทุกภูมิภาคของโลก โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้จะมีการใช้จ่ายแซงหน้ากลุ่มคนรุ่นบูมเมอร์ในช่วงเวลานั้น และภายในปี 2577 กลุ่มคน Gen Z จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั่วโลกกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ากลุ่มคนรุ่นอื่น ๆ ​


ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยยังกล่าวว่าคนกลุ่มนี้มีความใส่ใจสุขภาพสิ่งแวดล้อม ดูแลภาพลักษณ์และความเป็นอยู่ของตน ชอบทำอาหารเอง เลือกคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว และช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก ทั้งยังมีแนวโน้มชอบเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูกเพื่อหาความสุขทางใจและมักยอมใช้จ่ายเงินกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าคนรักอีกด้วย จึงเกิดเป็นเทรนด์ Generation Wellbeing ที่กำลังมาแรง ​


​ด้วยเทรนด์ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้หลายธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตจากเทรนด์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ การดูแลภาพลักษณ์ ธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่คำนึงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมีแบรนด์ติดตลาดคนเข้าถึง ธุรกิจที่ส่งเสริมความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ยกตัวอย่างเช่น


ธุรกิจสินค้าแบรนด์เนมหรือกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยม แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวสินค้าเหล่านี้ยังสามารถสร้างกำไรได้ดี เช่น LVMH หรือ Louis Vuitton มีแบรนด์ระดับไฮเอนด์ถึง 75 แบรนด์ในมือ ทั้งแบรนด์แฟชั่น อัญมณี เครื่องสำอาง น้ำหอม ไวน์ สุรา ที่กวาดรายได้ในปีที่ผ่านมาจากกลุ่มลูกค้าทั่วโลก สูงถึง 9.33 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 13% ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในยุโรป ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากเอเชีย (ไม่นับญี่ปุ่น) เป็นหลัก คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด​


ธุรกิจเกี่ยวกับ Health Lifestyle เช่น ฟิตเนต ท่องเที่ยว อาหารเพื่อสุขภาพ หรือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ อย่าง Merck & Co หนึ่งในบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติอเมริกัน โดยยาที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์อย่างมากได้แก่ Keytruda ยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง, Januvia & Janumet ยารักษาเบาหวานชนิด Type 2 ซึ่งไตรมาส 2/24 มีกำไรเติบโต 21.98% เมื่อเทียบปีก่อน จะเห็นว่าไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรผู้คนเลือกที่ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพื่อรักษาสุขภาพของตนเองไว้ก่อน​


​แบรนด์ Lululemon Athletica ที่โด่งดังจากการผลิตเสื้อผ้าโยคะก่อนจะแตกไลน์ทำชุดออกกำลังกายประเภทอื่นๆ เสื้อผ้าของแบรนด์นี้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ ซับเหงื่อได้ดี แห้งเร็ว แถมยังลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นอับ สปอร์ตบราผลิตขึ้นจากผ้า Light Ultralu ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ lululemon นั้นเลียนแบบได้ยาก ผู้สวมใส่จะรู้สึกสบายเหมือนไม่ได้ใส่ ทรงเข้ารูปแต่ไร้รอยต่อ เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายทุกแบบ ช่วยให้ผู้สวมใส่มีภาพลักษณ์ให้ดูดี และยังมีกลยุทธ์เด็ดดึงดูดลูกค้าด้วยการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งภายในร้านที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น เช่น สร้างสตูดิโอโยคะ ห้องออกกำลังกาย พื้นที่ทำสมาธิ และคาเฟ่ ฯลฯ ในร้านซึ่งส่วนใหญ่แล้วเปิดให้เข้าร่วมฟรี นอกจากนั้น ภายในร้านต่างๆ ยังมีบริการเย็บขอบกางเกงและปรับทรงฟรี ความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ Lululemon ชนะใจลูกค้าได้ ทำให้มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ไตรมาสที่ 2/24 บริษัทมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 7% อยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก


ธุรกิจประกันสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ยารักษา อาหารสัตว์ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เช่น บริษัท Zoetis ผลิตยาและเวชภัณฑ์เพื่อสุขภาพสัตว์ชั้นนำของโลก เป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศให้ผลิตจัดหาวัคซีนให้กับธนาคารวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine Bank) ขณะที่ไตรมาสที่ 2/24 มีรายได้เติบโต 8.3% ที่มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของวัคซีนของโซเอทิส ทั้งนี้วัคซีนพิษสุนัขบ้าของโซเอทิสนั้นได้รับการรับรองความมั่นใจในประสิทธิภาพแล้วในหลากหลายประเทศทั่วโลก​


​สำหรับ Gen Alpha นั้นก็กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นประชากรหลักในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้จะยังอยู่ในวัยกำลังศึกษาเล่าเรียนแต่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของคนในบ้านเพราะผู้ปกครองมักนึกถึงลูกเป็นหลักและอีกไม่กี่ปี Gen Alpha จะเข้ามาอยู่ในตลาดแรงงานและเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต ซึ่งกลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมากขึ้นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา ทั้งยังให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน ดังนั้น สินค้าที่สร้างผลกระทบเชิงบวกใส่ใจสิ่งแวดล้อมคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มพิจารณาเลือกซื้อก่อนเสมอ



หาโอกาสลงทุนยุคดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาลง กลุ่ม Infrastructure เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ

​กลุ่ม Infrastructure คือ โครงสร้างพื้นฐานในชีวิตประจำวันของเรา เช่น ระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต สนามบิน ทางด่วน ซึ่งหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งมีแนวโน้มเติบโตไปกับMegatrends ของโลก โดยทั่วโลกจะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นทุกปีจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของชนชั้นกลาง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Digital จากการเติบโตของ 5G , AI และเทคโนโลยีอื่นๆ รวมถึงการปรับปรุงซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานเดิมให้ทันสมัยอยู่เสมอ ขณะที่ปัจจุบันระดับราคาของหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่แพงและมีแนวโน้มการเติบโตของราค


ยกตัวอย่างบริษัท Skanska บริษัทสวีเดน ผู้ก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัยและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Skanska ได้มีโอกาสดำเนินโครงการสำคัญมากมายทั่วทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา โครงการที่โดดเด่นได้แก่ สะพาน Øresund ที่เชื่อมระหว่างสวีเดนและเดนมาร์ก , สนามกีฬา MetLife Stadium ได้ปรับปรุงและขยายสำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ การบูรณะพื้นที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ฯลฯ ​


ประธานบริษัท Skanska USA ยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้บริหารแห่งปีจากรางวัล Construction Dive Awards ในปี 2019 นอกจากนี้ Skanska ยังได้รับเกียรติจากการเป็นสมาชิกของ Predictive Analytics Strategic Council ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจาก Construction Dive ให้เป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งปี 2019 สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ ความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งของบริษัทเป็นอย่างดี ด้านกำไรสุทธิในไตรมาส 2/24 อยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ โตกว่า 200% อานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ในสหรัฐฯและยุโรป ​


สถานการณ์อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่มีแนวโน้มขาลงยังเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) หนุนให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หาก Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง เนื่องจากหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่อยู่ในระดับสูงกว่า Bond Yield และไม่ว่าเศรษฐกิจดีหรือแย่คนก็ยังจำเป็นต้องใช้สาธารณูปโภคเหล่านี้ ทำให้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานมีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ การลงทุนในกลุ่มนี้ยังเป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะมีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นโลก เหมาะจะเป็นหลุมหลบภัย ในยามเศรษฐกิจไม่ค่อยเป็นใจนั่นเอง​



ผลตอบแทนรายประเทศ-กลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญ

กลุ่ม Global Infrastructure ผลตอบแทน 1 เดือน ปรับตัวขึ้น 3.37% ตอบรับการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้





ที่มา: Bloomberg, JA team KBank ณ วันที่ 29/08/67



หากนักลงทุนมีความสนใจเทรนด์การลงทุนที่ได้กล่าวมาแล้ว ทาง บลจ.กสิกรไทยมีกองทุน K-HIT-A(A) ที่มีการลงทุนในเทรนด์ธุรกิจที่ได้กล่าวข้างต้นซึ่งสอดคล้องตามเทรนด์โลกในปัจจุบัน

กองทุน K-HIT-A(A) ลงทุนในกองทุนหลัก Allianz Thematica ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจอนาคตไกล (Megatrends) มีโอกาสเติบโตทำกำไรในระยะยาว 5-7 เทรนด์ และมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ทุกปี ​


​สัดส่วนการลงทุนของกอง K-HIT-A(A) (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 67) 

แบ่งเป็นกลุ่ม Digital Life (มีน้ำหนักลงทุน 20.3% ของพอร์ต) 

Intelligent Machines (มีน้ำหนักลงทุน 15.8% ของพอร์ต)

Generation Wellbeing (มีน้ำหนักลงทุน 15.1% ของพอร์ต)

Next Generation Energy (มีน้ำหนักลงทุน 15.8% ของพอร์ต)

Infrastructure (มีน้ำหนักลงทุน 13.8% ของพอร์ต) 

Clean Water and Land (มีน้ำหนักลงทุน 11.2% ของพอร์ต) ​

และ Health Tech (มีน้ำหนักลงทุน 9.3% ของพอร์ต)


​จะเห็นได้ว่ากองทุน K-HIT-A(A) มีการลงทุนในทุก Theme ที่เราหยิบมาเล่าให้ฟังในบทความนี้ ซึ่งสะดวกต่อนักลงทุนที่อ่านแล้วรู้สึกสนใจแต่ไม่รู้จะเลือกลงทุนในกลุ่มไหนดี หรือไม่มีพอร์ตลงทุนในต่างประเทศเพื่อไปตามเก็บหุ้นเหล่านี้ เพราะกองทุนนี้รวมมาให้หมดแล้วโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนใน Megatrends


​บริหารผ่านกองทุนหลัก Allianz Thematica ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเข้าลงทุน หุ้นรายตัวมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีมีโอกาสเติบโตในระยะยาว ประกอบกับราคาหุ้นในพอร์ตยัง laggard กว่าหุ้นโลกค่อนข้างมาก



ผลตอบแทนที่ผ่านมากองทุนหลัก Allianz Thematica สามารถสร้างผลตอบแทนชนะหุ้นโลกในระยะยาว



คำแนะนำการลงทุน

เศรษฐกิจโลกปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะข้างหน้าจากทั้งภาคการผลิตที่ตัวเลขอยู่ในเกณฑ์หดตัวและภาคการบริการที่ถึงแม้ยังแข็งแกร่งแต่มีแนวโน้มจะชะลอตัวจากภาคแรงงานในสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนแอ ดอกเบี้ยทั่วโลกเริ่มเป็นขาลงเป็นที่เรียบร้อย ​


K WEALTH มองว่าตลาดหุ้นโลกยังมี Upside ในกลุ่มหุ้นที่สามารถทำกำไรได้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว (Defensive) และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง (Rate sensitive) การกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปยังหลากหลายภูมิภาคจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน นักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุนหุ้นโลก สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูงและมีความสนใจลงทุนสามารถแบ่งมาทยอยสะสมในกองทุน K-HIT-A(A) ได้ไม่เกิน 30% ของเงินลงทุน ​


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน​




บทความโดย K WEALTH กานต์พิชชา แดงพิบูลย์สกุล

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!