อัปเดต K-WealthPLUS Fund ตลาดผันผวน ยังสตรองแค่ไหน

• ในระยะสั้น sentiment ในการลงทุนหุ้นสหรัฐที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นจะได้แรงหนุนจากการทยอยลดดอกเบี้ยของ Fed และธนาคารกลางทั่วโลก โดยหากตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมานั้นยังคงรักษา Momentum ที่ดีอาจจะทำให้ตลาดคลายความกังวลมากขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดยังคงมีความอ่อนไหวต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมาที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิด recession


• กองทุนผสมอย่าง K-WealthPLUS Series มีการปรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ได้รับผลกระทบจากตลาดน้อยกว่าดัชนีหุ้นโลก และถ้าดูผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี กองทุนยังสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้อย่างต่อเนื่อง




ตลาดหุ้นสหรัฐ All Time High จะเป็นโอกาสหรือกับดักกันแน่....

ในเดือนกันยายน 67 นักช้อปหลายคนคงโฟกัสกันกับมหกรรมวันช้อปแห่งปี 9.9 แต่ในโลกแห่งการลงทุนนั้นนักลงทุนโฟกัสกับการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งตรงกับบ้านเราในเช้าวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาโดยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% ตามที่ตลาดคาด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นแต่อย่างใดกลับปรับตัวลงจากความกังวลในเรื่องตลาดแรงงาน อย่างไรก็ตาม ความกังวลก็เริ่มคลี่คลายหลังจากตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 กลับมาเร่งตัวขึ้นที่ +3.0% รวมกับแรงหนุนตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ชะลอตัวลง ทำให้ตลาดให้น้ำหนักการเข้าสู่ภาวะ Soft Landing มากขึ้นและยังทำให้ตลาดหุ้นอย่าง S&P500 และ Dow Jones ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำ All Time High ได้อีกครั้ง


คงต้องยอมรับว่าในระยะสั้น sentiment ในการลงทุนหุ้นสหรัฐที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นจะได้แรงหนุนจากการทยอยลดดอกเบี้ยของ Fed และธนาคารกลางทั่วโลกและหากตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมานั้นยังคงรักษา Momentum ที่ดีอาจจะทำให้นักลงทุนนั้นสบายใจมากขึ้นและอาจจะได้เห็นสภาวะที่ตลาดหุ้นกลับมาเป็นตลาดกระทิง หรือ Bullish Market อีกครั้งก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามบางครั้งชีวิตเราก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้เสมอไป ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนในตลาดหุ้นที่บางครั้งอาจเกิดการผันผวนหรือมีการปรับฐานของตลาดได้บ้าง ทำให้การจับจังหวะในการลงทุนที่เป็นเรื่องยากนั้นอาจเกิดผลขาดทุนได้ ยิ่งในปีที่มีการเลือกตั้งในสหรัฐแล้วนก่อนที่จะรู้ผลว่าใครจะเป็นผู้ชนะจะส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนมากขึ้นอีกด้วย



กองทุนผสมหรือ Multi Asset Fund คือคำตอบในยามที่ตลาดผันผวน

ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนที่อาจจะใกล้เข้ามา การลงทุนในกองทุนผสมหรือ Multi Asset Fund นับว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะช่วยให้นักลงทุนได้สบายใจและไม่ต้องกังวลต่อการผันผวนของตลาดมากนักเพราะกองทุนผสมมีการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร ตราสารหนี้หรือแม้แต่สินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ทำให้พอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ซึ่งการกระจายการลงทุนนี้แหละที่จะช่วยลดความผันผวนและปกป้องผลตอบแทนของนักลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนได้ นอกจากนี้ กองทุนผสมยังมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ทำให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวได้ ซึ่งกองทุนผสมที่ K Wealth พูดถึงมากที่สุดและเป็นขวัญใจของนักลงทุนก็คงหนีไม่พ้นกองทุน K-WealthPLUS Series



K-WalthPLUS Series ครบจบในกองทุนเดียว

1. ลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ และกระจายไปยังหลายภูมิภาค


ภาพที่ 1 สินทรัพย์ที่หลากหลายในพอร์ตการลงทุน



จากภาพที่ 1 จะเห็นได้ว่าพอร์ตการลงทุนของกองทุน K-WealthPLUS Series นั้นได้มีการลงทุนกระจายไปยังตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อรองรับกับเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ถึงแม้ว่าในพอร์ตของ K-WealthPLUS Series เองจะมีการลงทุนในสหรัฐมากกว่าภูมิภาคอื่นก็ตาม แต่เนื่องด้วยตลาดสหรัฐฯ เองเป็นตลาดที่ใหญ่และมีหุ้นหลากหลายประเภทที่จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจแตกต่างกันไป ซึ่งกองทุน K-WealthPLUS เองก็ได้มีการกระจายไปทั้งหุ้นที่มีการเติบโตสูงรวมถึงหุ้นที่เป็น Defensive หรือว่า Value stock แต่ก็ไม่พลาดที่จะเกาะเทรนด์ AI ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วก็ได้มีการกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั้งยุโรปและเอเชียที่ผู้จัดการกองทุนพิจารณาแล้วว่ามีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง


2. มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด

ในช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในตลาดโลก ทั้งสงครามในตะวันออกกลางหรือตัวเลขเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ได้ประกาศออกมา ในส่วนของพอร์ตลงทุนของ K-WealthPLUS เองก็ไม่พลาดที่จะต้องปรับไปตามสภาวะเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน โดยในเดือนสิงหาคม (จากภาพที่ 1) ผู้จัดการกองทุนมีการเพิ่มกองทุน JPM US Value เนื่องจากมูลค่าหุ้นในกลุ่มนี้อยู่ในจุดที่น่าสนใจและยังปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าหุ้นกลุ่มเติบโตสูงและหุ้นเทคที่ได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงไปก่อนหน้านี้ และการย้ายสัดส่วนจากกองทุน JPM Income ไปยัง JPM Aggregate Bond ที่จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกมากกว่า รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ไทยระยะสั้นอย่าง K-SFPLUS ที่นอกจากจะได้ผลตอบแทนที่น่าสนใจแล้วยังเป็นส่วนที่สำคัญในการรอจังหวะการลงทุนในตลาดหุ้นโลกอีกด้วย


3. ความผันผวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

เมื่อกล่าวถึงกองทุนผสมหรือว่ากองทุน Multi Asset Fund แล้ว จุดแข็งของกองทุนประเภทนี้ก็คือความผันผวนที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งกองทุน K-WealthPLUS ก็ทำผลงานได้ดีในช่วงที่ผ่านมา (จากภาพที่ 2) โดยในเดือนเมษายนหลังตลาดกังวลการลดดอกเบี้ยของ Fed ที่มีแนวโน้มเลื่อนออกไปจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว (เส้นประสีแดง ดัชนีหุ้นโลก) และมีการปรับตัวขึ้นในระยะต่อมาหลังตลาดคลายความกังวลลง สำหรับกองทุน K-WealthPLUS นั้นได้ปรับตัวลงเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลกแล้ว มีการปรับลงน้อยกว่ามาก และเมื่อตลาด rebound กองทุนก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นโลกด้วยเช่นกัน


ภาพที่ 2 เปรียบเทียบ Drawdown กับตลาดหุ้นโลก



เหตุการณ์สำคัญที่ตลาดมีการปรับตัวลงแรงและเร็วในปีนี้หากไม่กล่าวถึง Black Monday คงไม่ได้ หลังจากที่ตลาดมีความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession) และยังส่งผลให้เกิดการ Yen Carry Trade ทำให้ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานลงมารุนแรง โดยตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นกองทุนหุ้นญี่ปุ่น (จากภาพที่ 3 เส้นประสีแดง) ที่ปรับตัวลงเกือบ -20% หรือแม้กระทั่งกองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่ปรับตัวกว่า -10% (จากภาพที่ 3 เส้นประสีดำ) เลยทีเดียว ซึ่งหากนักลงทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในกองทุนทั้งสองกองทุนที่กล่าวมาในสัดส่วนที่มาก คงได้รับผลกระทบอย่างมากด้วยเช่นกัน และนั่นก็คือเหตุผลที่กองทุน K-WealthPLUS ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดด้วยพลังการกระจายการลงทุนที่ไม่กระจุกในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง ที่ทำให้นักลงทุนสบายใจในการลงทุนได้


ภาพที่ 3 เปรียบเทียบ Drawdown ในช่วงที่ตลาดมีปรับตัวลงอยางรวดเร็ว (Black Monday)




กองทุน K Wealth PLUS Series สร้างผลการดำเนินงานได้ดีหลังจากตลาดปรับฐานมาแล้ว

นอกจากความผันผวนที่กองทุน K-WealthPLUS Series ทำได้ดีแล้วสิ่งสำคัญอีกด้านหนึ่งก็คือการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยตั้งแต่ต้นปี (จากภาพที่ 4) กองทุนยังสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้อย่างต่อเนื่อง


ภาพที่ 4 ผลการดำเนินงานกองทุน K-WealthPlus Series ตั้งแต่ต้นปี




ปัจจัยสนับสนุนกองทุน K-Wealth PLUS Series

1. วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดลงหลัง Fed ปรับลดดอกเบี้ย 50bps ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาและยังเชื่อว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง หนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น และสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมออย่างตราสารหนี้

2. ตลาดหุ้นโลกจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปโดยจะได้รับ sentiment เชิงบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มยังออกมาดีต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลเรื่อง US Recession อีกด้วย

3. ไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนชนะสินทรัพย์อื่นทุกช่วงเวลา การลงทุนระยะยาวที่มีมีการกระจายในหลากหลายสินทรัพย์สามารถสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทน พร้อมลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนดีกว่ากระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง


การลงทุนในกองทุนผสมนั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความมั่นคงและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่ง K Wealth ยังคงมั่นใจในการลงทุนกองทุน K-WalthPLus Series ที่จะมองข้ามความผันผวนในระยะสั้น เพื่อผลตอบแทนในระยะยาวแก่นักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญนักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่องไม่จำเป็นต้องจับจังหวะการลงทุนด้วยตัวเอง



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH กิตติภพ เรืองอ่อน
Back to top