เปิดเหตุผลทำไมกองทุน Global Dividend ถึง Laggard ในปีที่แล้ว
โดยทั่วไปแล้วเม็ดเงินลงทุนในตลาดมักเคลื่อนไหวเข้าสู่สินทรัพย์หรือภูมิภาคที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีในขณะหนึ่งๆ ในช่วงที่ผ่านมาเราคงได้ยินเกี่ยวกับหุ้น Magnificent 7 มาพอสมควรในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา หากมาดูข้อมูลจาก Factset จะพบว่าเพียง Amazon Google Meta และ Nvidia 4 ตัวรวมกันเติบโตไปเกิน 50% ใน Q2 ปีนี้ นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กองทุนซึ่งมีหุ้นเหล่านี้ทำผลตอบแทนได้ดีตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่กองทุนที่ไม่มีเช่นหุ้นกลุ่มปันผลก็ทำผลตอบแทนได้แย่กว่าตลาดในปีที่แล้ว แต่ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตที่ลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับความกังวลว่ากระแส AI ที่พุ่งสูงขึ้นจะยั่งยืนหรือไม่และตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาทำให้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีแรงเทขายหุ้นกลุ่มนี้ออกมา หลายคนเรียกว่า Black Monday ของปีนี้จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในระยะข้างหน้า
แต่ข่าวดีคือ หุ้นอื่นๆอีก 496 ตัวใน S&P500 ถูกคาดการณ์กว่ากำไรจะกลับมาเติบโต 2 หลักใน Q4 และตัวเลขเศรษฐกิจต้นเดือนนี้ก็ออกมาตอกย้ำว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งทำให้ ความกังวล Recession ลดลง ตลาดหุ้นจึงยังมีแนวโน้วไปต่อแต่มีการเปลี่ยนกลุ่ม (Rotate) ไปยังหุ้นที่ยังมีแนวโน้มเติบโตหรือมูลค่ายังสมเหตุผลสมผล
ภาพที่ 1 คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิดัชนี S&P 500 โดยนักวิเคราะห์
ที่มา Factset – Which “Magnificent 7” Companies Are Top Contributors to Earnings Growth for the S&P 500 for Q2? ณ วันที่ 22 ก.ค. 2024
ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่อยากลดความผันผวนพอร์ตพร้อมหาผลตอบแทน
หากนักลงทุนมีมุมมองว่าตลาดหุ้นโลกจะยังคงเป็นขาขึ้นแต่เริ่มไม่แน่ใจว่ากลุ่มเทคโนโลยีที่ขึ้นมาตลอดเกือบ 2 ปีจะยังไปต่อไหมและก็กลัวขายหมูพร้อมกลัวขาดทุนหรือติดดอยในคราวเดียวกัน แนะนำกระจายการลงทุนในลักษณะ Barbell คือมีทั้งหุ้น Growth และหุ้น Defensive (ซึ่งเราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันในตอนหน้า) กองทุนที่ K WEALTH หยิบขึ้นมาแนะนำคือ KFGDIV-A ของบลจ.กรุงศรี โดยมีกองทุนหลัก คือ Fidelity Global Dividend Fund บลจ.ต่างประเทศที่โด่งดังในการบริหารการลงทุนหุ้นมูลค่า จุดเด่นของกองทุนนี้คือ 1.โฟกัสที่หุ้นปันผลทั่วโลก ลงทุนหุ้น 40-60 หลักทรัพย์แบบ Bottom up 2.ปัจจุบันไม่มีหุ้น Magnificent 7 ในพอร์ตการลงทุน โดยกองทุนได้ลดน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยี และเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่มการเงิน อุตสาหกรรม สินค้าจำเป็น และสาธารณูปโภค (ณ 30 ส.ค. 2024) 3.กองทุนมีความผันผวนต่ำกว่าดัชนีหุ้นโลกด้วยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แถมในรอบ 10 ปี กองทุนลงน้อยกว่าดัชนีในช่วงตลาดขาลง และ 4.ปีนี้ผลตอบแทนกลับมาโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน Thailand Global Equity ติด Quartile 1 ของ Morningstar แทบทุกช่วงเวลาทั้ง 1 เดือน 3 เดือน 1 ปี และ 3 ปี จึงได้รับ 5 ดาวจาก Morningstar แม้ไม่มีหุ้น Magnificent 7 เลย
ภาพที่ 2 ผลตอบแทนกองทุนหลัก KFGDIV-A เทียบกับหุ้น Magnificent 7 และหุ้นโลก ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. 2024
ที่มา Bloomberg ณ วันที่ 30 ก.ย. 2024
ภาพที่ 3 สัดส่วนลงทุนของกองทุนหลัก KFGDIV-A
ที่มา Fidelity Fund Factsheet ณ วันที่ 31 ส.ค. 2024
คำแนะนำการลงทุน
เรายังคงมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวังกับหุ้นโลก ดังนั้นแนะนำกระจายการลงทุนไปยังกองทุนหุ้นที่หลากหลายประเภทและหลายภูมิภาคจะช่วยสร้างผลตอบแทนและลดความผันผวนพอร์ตการลงทุนได้ แนะนำนักลงทุนทยอยซื้อสะสม KFGDIV-A โดยลงทุนไม่เกิน 30%
สุดท้ายนี้ K WEALTH มีข่าวดีมาบอก วันนี้เราเพิ่มทางเลือกกองทุนของค่ายอื่นอีก 15 บลจ. ให้นักลงทุนได้ช้อปด้วยตนเองผ่าน K PLUS แอพที่ทุกคนมีไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แค่คลิ๊กง่ายๆ ไปที่เมนู Investment หรือลงทุน
* โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก บลจ. กรุงศรี (KSAM)
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
• Factset https://insight.factset.com/which-magnificent-7-companies-are-top-contributors-to-earnings-growth-for-the-sp-500-for-q2
• Fidelity Funds
• Bloomberg