ThaiESG เลือกแบบไหนให้โดนใจ

ลงทุนกับกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม พร้อมโปรโมชั่นดีๆจากกสิกรไทย

• กองทุน ThaiESG นอกจากจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมแล้ว ข้อดีคือระยะเวลาการลงทุนที่สั้นกว่า SSF และ RMF อีกทั้งยังไม่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี


• นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเลือกลงทุนในนโยบายใดนโยบายหนึ่ง แต่สามารถกระจายการลงทุนทั้งในกองทุนหุ้นและตราสารหนี้ได้ โดยปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีให้เลือกทั้ง K-TNZ-ThaiESG ซึ่งลงทุนในหุ้นไทย ESG และ K-ESGSI-ThaiESG ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ ESG นักลงทุนามารถเลือกลงทุนได้ตามสัดส่วนของ 1) ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 2) ผลตอบแทนที่คาดหวัง และ 3) สามารถปรับเปลี่ยนสดส่วนการลงทุนได้ตามสภาวะตลาด




หลายคนคงพอจะคุ้นเคยกันบ้างแล้วกับกองทุน ThaiESG หรือ กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ล่าสุดที่เริ่มให้นักลงทุนได้ใช้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีตั้งแต่ปี 2566 โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับนักลงทุนสูงสุดถึง 300,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ทั้งกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนผสม ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกลงทุนในกองทุน ThaiESG อย่างไร เลือกแบบไหนให้โดนใจ !!!


สำหรับนักลงทุนท่านใดที่อยากทำความรู้จักกองทุน ThaiESG ให้มากขึ้น K WEALTH มีคู่มือกองทุน ThaiESG สามารถติดตามได้จาก “คู่มือกองทุน Thai ESG : เปิดโลกการลงทุนอย่างยั่งยืน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี



เปรียบเทียบกองทุน ThaiESG และกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ

จุดเด่นของกองทุน ThaiESG นอกจากจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีส่วนเพิ่มแล้ว มีอะไรบ้างเรามาดูกัน

• ลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เกี่ยวข้องกับ ESG เท่านั้น

• ระยะวเลาการถือครอง 5 ปี (น้อยกว่า RMF ที่ต้องถือจนครบอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และ SSF ที่ต้องถือครอง 10 ปี)

• ไม่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ซื้อปีไหนลดหย่อนภาษีปีนั้น




เลือกกองทุน ThaiESG อย่างไรให้โดนใจ


• ปัจจุบันกองทุน Thai ESG ของ บลจ.กสิกรไทย มีทั้งกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นไทย K-TNZ-ThaiESG ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง และกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ไทย K-ESGSI-ThaiESG เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ

• นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเลือกลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่ง แต่สามารถกระจายการลงทุนได้ทั้ง 2 กองทุน โดยแบ่งสัดส่วนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และตามผลตอบแทนที่คาดหวัง ดังนี้


ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
สัดส่วนการลงทุนที่แนะนำ (%)
หุ้น
ตราสารหนี้
สูง
70-100%
0-30%
ปานกลาง
40-60%
40-60%
ต่ำ
0-30%
70-100%


ทั้งนี้หากนักลงทุนตัดสินใจเลือกลงทุนในสัดส่วนแบบใด ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนต้องลงทุนเช่นนั้นไปตลอด นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนระหว่างกองทุนหุ้นและตราสารหนี้ ได้ตามระดับของการยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังที่เปลี่ยนไป อีกทั้งสำหรับนักลงทุนที่ติดตามสภาวะตลาด ก็ยังสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน K-TNZ-ThaiESG และ K-ESGSI-ThaiESG


ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยดี นักลงทุนสามารถลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยได้ หรือในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน นักลงทุนสามารถให้น้ำหนักการลงทุนที่ตราสารหนี้มากกว่าหุ้นก็ได้เช่นกัน



เปรียบเทียบนโยบายการลงทุน



ที่มา : บลจ.กสิกรไทย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2567



ผลตอบแทนย้อนหลัง




โปรโมชั่นซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีกับกสิกรไทย

เซฟภาษีไม่ต้องจ่ายปลายปีก้อนใหญ่ ทยอยลงทุนแบบ DCA กับกองทุน SSF/RMF/ThaiESG รับ Fund Back สูงสุด 1,200 บาท จากยอดลงทุนสะสม ผ่าน K-Saving Plan และ/หรือ Investment Plan วันนี้ – 31 ธ.ค. 67 เท่านั้น โดยสามารถทำรายการได้ผ่านแอปพลิเคชั่น KPLUS, K-My Fund, K-Cyber Invest เงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางธนาคารกำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-888-8888 กด 806


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”,

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH ปาณิศา เจียรพุฒิ
Back to top