อยากลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน Thai ESG จะไป “หุ้น” หรือ “ตราสารหนี้” ดี
การเลือกกองทุนระหว่างกองทุนหุ้นและตราสารหนี้นั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ หากต้องการผลตอบแทนที่สูงและพร้อมรับความเสี่ยง กองทุนหุ้นอาจจะเหมาะสมเนื่องจากมีโอกาสในการเติบโตที่สูงกว่าในระยะยาว อย่างไรก็ตามกองทุนหุ้นก็มาพร้อมกับความผันผวนและความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย ในทางกลับกันหากนักลงทุนมองหาความมั่นคงและต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ กองทุนตราสารหนี้จะเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าและมักให้รายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนในรูปของดอกเบี้ย แต่ผลตอบแทนอาจต่ำกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นในระยะยาว หากยังไม่แน่ใจว่าการลงทุนแบบไหนเหมาะกับเรา หรือตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้จะลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ดี อีกทางเลือกนึงอาจจะเหมาะกับคุณ นั่นก็คือการลงทุนในกองทุนผสมที่มีทั้งหุ้นและตราสารหนี้อยู่ในกองเดียวกัน ที่ได้ทั้งการสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงให้กับคุณ
เลือกลงทุนกองทุนผสม ThaiESG แบบไหน ที่นี่มีคำตอบ
ต้องยอมรับว่าในบ้านเรากองทุนผสม ThaiESG ที่เป็นการลงทุนเพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีนั้นยังมีไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในหุ้น แต่กองทุนผสม ThaiESG นั้นก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสังคสและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งการออกกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการลงทุนใน ESG อีกด้วย ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่นักลงทุนควรพิจารณาในการเลือกกองทุนผสม ESG มีดังนี้
1. สัดส่วนการลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ ควรตรวจสอบว่าสัดส่วนการลงทุนในกองทุนนั้นๆ ตรงกับความต้องการและเป้าหมายของนักลงทุนหรือไม่ หากต้องการการเติบโตที่สูง อากเลือกกองทุนที่มีสัดส่วนในหุ้นมากหน่อย แต่ถ้าคุณเน้นความมั่นคง ก็ควรเลือกที่มีสัดส่วนในตราสารหนี้ที่มากกว่าหุ้น
2. การคัดเลือกหลักทรัพย์ตามเกณฑ์ ESG ควรตรวจสอบว่าหลักทรัพย์ที่คัดเลือกมาลงทุนนั้นเป็นไปตามเกณฑ์ ThaiESG หรือได้รับการประเมินจาก SET ESG Rating อยู่ในระดับใด ( AAA ถึง BBB) ซึ่งในแง่มุมของนักวิเคราะห์หากได้รับ ESG Rating อยู่ในระดับสูงมักยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัททำให้ดึงดูดของนักลงทุนสถาบันที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ทั้งนี้หากนักลงทุนท่านใดที่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกกองทุนผสม ThaiESG กองไหนดี วันนี้ K-Wealth ขอนำเสนอเป็น กองทุน K ESG Balanced 30 Fund – ThaiESG (K-BL30-ThaiESG) โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ 70% ที่มีการผสมผสานทั้งตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนและอื่นๆ ในการบริหารสภาพคล่อง และกหุ้นอีก 30% ของบริษัทที่คำนึงถึงปัจจัย ESG โดยผ่านการวิเคราะห์อย่างเข้มข้นทั้งข้อมูลในเชิงคุณภาพและการบริหารทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยกองทุน K-BL30-ThaiESG จะเสนอขาย IPO ในวันที่ 26 พ.ย. - 2 ธ.ค. 2567
กองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน...
กองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นน้อยกว่าตราสารหนี้นั้นเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำและผลตอบแทนที่มั่นคงสม่ำเสมอ ยิ่งในปัจจุบันที่อัตราผลตอบแทนของทั้งพันธบัตรและตราสารหนี้เอกชนนั้นยังอยู่ในระดับสูงกว่าในช่วงทีผ่านมา ส่งผลให้การลงทุนในตราสารหนี้นั้นยังมีความน่าสนใจ ในทางกลับกันกองทุนผสมที่มีหุ้นในสัดส่วนสูงมักจะโดนผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นจนบางครั้งมีโอกาสขาดทุนเทียบเท่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นล้วนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาวที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป กองทุนผสมที่มีตราสารหนี้ที่สูงกว่าหุ้นก็เป็นสัดส่วนที่น่าสนใจ
หลายคนคงแอบสงสัยว่าการลงทุนในบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ESG นั้นมันสำคัญไฉน...
การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยทั่วไปถือเป็นการลงทุนที่ดี เพราะบริษัทเหล่านี้มักมีการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในด้านการเงินและให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในหลายด้าน เช่น
1. ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและภาพลักษณ์ บริษัทที่มีการดำเนินงานตามเกณฑ์ ESG มักมีนโยบายที่ชัดเจนในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทที่สามารถส่งผลลบต่อมูลค่าของบริษัทได้
2. ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การให้ความสำคัญกับ ESG ช่วยให้บริษัทมีการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งลดโอกาสที่บริษัทจะต้องเผชิญกับค่าปรับหรือข้อพิพาททางกฎหมายที่อาจส่งผลต่อผลกำไรและเสถียรภาพของบริษัท
3. ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีความเสี่ยงในการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ต่ำ
4. ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน การบริหารจัดการที่ดีในด้าน ESG ช่วยให้บริษัทมีแผนรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน ช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติ
5. ความเสี่ยงด้านการเงินบริษัทที่ปฏิบัติตามเกณฑ์ ESG มักมีระบบการจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมและมีการบริหารงานที่โปร่งใส ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกทุจริตหรือความไม่โปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน
จุดเด่นของกองทุนผสม K-BL30-ThaiESG
• การกระจายความเสี่ยง เป็นอีกจุดเด่นของกองทุนผสมที่มีการลงทุนตั้งแต่สองสินทรัพย์ขึ้นไป ทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตและช่วยให้การบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ภาพที่ 1)
ภาพที่ 1 สัดส่วนการลงทุน K-BL30-ThaiESG
• เน้นลงทุนหุ้นที่ได้รับ ESG Rating ระดับ AAA จากการดูข้อมูลย้อนหลังในอดีต (ภาพที่ 2) จะเห็นได้ว่าหุ้นของบริษัทที่มี SET ESG Ratings AAA (สีม่วง) มีแนวโน้มชนะดัชนีชี้วัด (สีเขียว) ได้ในระยะยาว
ภาพที่ 2 ผลตอบแทนหุ้นที่มี ESG เรตติ้งระดับต่างๆ เทียบกับผลตอบแทน SET Index
• กองทุน Thai ESG ครบ จบ ที่นี่ที่เดียว
Thai ESG เงื่อนไขใหม่ ยิ่งน่าสนใจ
หลังจากมีการปรับเกณฑ์ Thai ESG ใหม่ไปเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ทั้งการปรับวงเงินลงทุนการลดหย่อนภาษีสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาท (จากเดิม 100,000 บาท) และต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และปรับระยะเวลาการถือครองลดลงเหลือเพียง 5 ปีนับจากวันลงทุน (จากเดิม 8 ปีนับจากวันลงทุน) นั้นยิ่งทำให้การลงทุนในกองทุน Thai ESG ยิ่งน่าสนใจมากขึ้น
โปรโมชั่นซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีกับกสิกรไทย
เซฟภาษีไม่ต้องจ่ายปลายปีก้อนใหญ่ ทยอยลงทุนแบบ DCA กับกองทุน SSF/RMF/ThaiESG รับ Fund Back สูงสุด 1,200 บาท จากยอดลงทุนสะสม ผ่าน K-Saving Plan และ/หรือ Investment Plan วันนี้ – 31 ธ.ค. 67 เท่านั้น โดยสามารถทำรายการได้ผ่านแอปพลิเคชั่น KPLUS, K-My Fund, K-Cyber Invest เงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางธนาคารกำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-888-8888 กด 806