การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงการเสนอชื่อ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมยาและนโยบายสาธารณสุขปัจจุบัน ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การนำของเขา ความไม่แน่นอนนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นกลุ่มสุขภาพ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา
แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มสุขภาพยังคงเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว และการปรับตัวของตลาดในช่วงนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวพร้อมกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
• K-GHEALTH(UH) -3.25% (15 พ.ย.) และในรอบ 1 สัปดาห์ -3.06%
• KT-HEALTHCARE-A -2.93% (15 พ.ย.) และในรอบ 1 สัปดาห์ -7.05%
ผลกระทบต่อกองทุนกลุ่ม Health Care จากรัฐบาลทรัมป์ และกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาว
การปรับตัวลงของกองทุนกลุ่ม Health Care ในช่วงที่ผ่านมามีความสัมพันธ์กับนโยบายด้านสุขภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นโยบาย
America First ของทรัมป์มุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและนโยบายด้านสุขภาพ นอกจากนี้การเสนอชื่อ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F. Kennedy, Jr.) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (The Health and Human Services Department : HHS) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มสุขภาพปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน เช่น Moderna , Pfizer ลดลงประมาณ 4% กองทุน iShares Biotechnology ETF ลดลง 4.79% ในวันเดียว หลังจากข่าวการเสนอชื่อนี้
ปัจจัยกดดันตลาดกลุ่ม Health Care
• ท่าทีต่อต้านอุตสาหกรรมยาและวัคซีน: เคนเนดีเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนและบริษัทผลิตยา โดยเฉพาะการผลักดันให้ตรวจสอบประสิทธิภาพและผลกระทบของยาใหม่ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมกำไรของบริษัทในกลุ่มนี้
• นโยบายที่ไม่ชัดเจน: ความไม่แน่นอนในด้านนโยบาย เช่น การจัดการกับ Medicare และ Medicaid ซึ่งเป็นโครงการประกันสุขภาพสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ และเป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณมากถึง 1 ใน 4 ของการใช้จ่ายภาครัฐ อาจทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล
• กระแสต่อต้านยาในกลุ่ม GLP-1: ยาลดน้ำหนักและจัดการโรคเบาหวาน เช่น Eli Lilly & Co. และ Novo Nordisk ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากเคนเนดีมีท่าทีต่อต้านยาในกลุ่ม GLP-1 และสนับสนุนการส่งเสริมการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแทน
ปัจจัยหนุนระยะยาวของตลาด Health Care
แม้ว่าตลาดกลุ่มสุขภาพอาจเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวยังคงมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง:
• สังคมผู้สูงอายุ: การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการบริการสุขภาพและยารักษาโรคเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์: เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) ในการพัฒนายาและวิธีการรักษาใหม่ๆ
• ความต้องการที่ไม่ลดลง: สุขภาพเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีความยั่งยืน
มุมมองการลงทุน
K WEALTH ยังมีมุมมองค่อนข้างบวก (Slightly Positive) กับหุ้นกลุ่มสุขภาพ ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมและความต้องการในระยะยาว นอกจากนี้กองทุนกลุ่ม Health Care มีคุณสมบัติเป็นกลุ่ม Defensive ที่สามารถช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนได้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและถือครองระยะยาว แม้จะเผชิญกับความท้าทายในระยะสั้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลทรัมป์
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนเดิม และผู้ที่สนใจลงทุนกองทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพ
• ถือลงทุนระยะยาว และใช้จังหวะที่ตลาดปรับตัวลงในการทยอยสะสม : หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว การลงทุนในกองทุนกลุ่ม Health Care ยังคงมีศักยภาพ แม้ในระยะสั้นจะมีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล
• กระจายความเสี่ยง: สำหรับผู้ที่กลัวความเสี่ยง อาจแบ่งสัดส่วนการลงทุนบางส่วนไปยังกองทุนรวมผสมที่มีการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือทองคำ เพื่อช่วยลดความผันผวน
กองทุนแนะนำ
• กองทุน K-GHEALTH (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจดูแลสุขภาพทั่วโลกเช่น บริษัทยา โรงพยาบาล ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
• กองทุน K-WPBALANCED (ระดับความเสี่ยง 5 จาก 8 ระดับ) กองทุนกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ สามารถทยอยสะสมเป็น Core Port ได้ เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำถึงปานกลาง
• กองทุน K-WPSPEEDUP (ระดับความเสี่ยง 5 จาก 8 ระดับ) กองทุนกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ สามารถทยอยสะสมเป็น Core Port ได้ เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg, MarketWatch, New York Post, กรุงเทพธุรกิจ และ สำนักข่าวอินโฟเควสท์