ประเด็นร้อน: ตลาดหุ้นจีนร่วงแรง หลังงบกลุ่มเทคฯออกมาน่าผิดหวัง

หุ้นจีนร่วงแรง หลังงบกลุ่มเทคฯออกมาน่าดัชนี CSI 300 และ ดัชนี Shanghai ปรับตัวลงแรงกว่า 3% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ประกาศออกมาน่าผิดหวัง โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ที่เปิดเผยรายได้และกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/67 โดยหุ้น PDD Holdi

• ตลาดหุ้นจีนร่วงแรงกว่า 3% หลังงบกลุ่มเทคฯยักษ์ใหญ่ออกมาน่าผิดหวัง นโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ยังซ้ำเติมตลาด

• หุ้น Pinduoduo ร่วงลงแรงถึง 10.5% หุ้น Baidu ปรับตัวลดลง 8.6% ขณะที่หุ้น Alibaba ปรับตัวลง 2.86% หลักๆการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดออนไลน์

• K WEALTH มองเป็น Sentiment กดดันในระยะสั้น จีนยังมีแรงหนุนจากรัฐบาลจีนออกมาอย่างต่อเนื่องและคาดว่าได้เตรียมมาตราการรับมือกับนโยบายทรัมป์ไว้แล้ว เราจึงแนะนำให้นักลงทุน “ถือลงทุนต่อ”


หุ้นจีนร่วงแรง หลังงบกลุ่มเทคฯออกมาน่าผิดหวัง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีน ดัชนี CSI 300 และ ดัชนี Shanghai ปรับตัวลงแรงกว่า 3% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาครบแล้วส่วนใหญ่ประกาศออกมาน่าผิดหวังทั้งในดัชนี CSI 300 และ ดัชนี Shanghai โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ที่พึ่งมีการเปิดเผยรายได้และกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/67 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้น PDD Holdings หรือ Pinduoduo ร่วงลงแรงถึง 10.5% หุ้น Baidu ปรับตัวลดลง 8.6% ขณะที่หุ้น Alibaba ปรับตัวลง 2.86% จากรายได้ที่ต่ำกว่าคาด แม้จะทำกำไรได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้


นอกจากนี้นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ซึ่งอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 60% โดยนโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจจีน และเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นจีนให้ปรับตัวลดลงในช่วงนี้


ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาด CSI 300 ส่วนใหญ่รายได้และกำไรออกมาต่ำกว่าคาด



ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาด Shanghai Composite ส่วนใหญ่รายได้ต่ำกว่าคาด



รายได้ที่เติบโตต่ำกว่าคาดของ Pinduoduo เกิดจากการบริโภคที่ชะลอตัว

Pinduoduo บริษัทที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซและสตูดิโอเกม ปัจจุบันมีมูลค่าแซงหน้า Alibaba โดยรายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 โตที่ 44% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 99.35 พันล้านหยวน (13.72 พันล้านดอลลาร์) แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 102.65 พันล้านหยวน กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 18.59 หยวน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 19.79 หยวน

ปัจจัยหลักมาจาก

• อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นในกลุ่มเยาวชนจีนและวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

• การแข่งขันที่รุนแรงจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Alibaba และ JD.com ทำให้ PDD ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการลดราคาสินค้าและเพิ่มโปรโมชั่น และในช่วงที่ผ่าน PDD เน้นกำหนดราคาสินค้าต่ำเพื่อดึงดูดผู้บริโภคทำให้เกิดปัญหาสงครามราคาที่รุนแรงขึ้น

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศโดยรัฐบาลจีนที่ PDD ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากข้อจำกัดของแพลตฟอร์ม

แนวโน้มรายได้และกำไร ของ pinduoduo ในไตรมาสหน้า

• PDD มีความแข็งแกร่งในแพลตฟอร์ม Temu การเติบโตนี้อาจช่วยสนับสนุนรายได้ในไตรมาสถัดไป

• PDD มุ่งมั่นที่จะลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว แม้ว่าการลงทุนนี้อาจส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะสั้น


Baidu ประกาศรายได้ลดลงต่ำสุดใน 2 ปี กดดันราคาหุ้น

Baidu บริษัท Search Enging รายใหญ่สุดของจีน รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีรายได้ลดลง -3% อยู่ที่ 33.6 พันล้านหยวนต่ำกว่าที่ตลาดคาด กำไรต่อหุ้นลดลง -19% ที่ 16.6 ต่ำกว่าคาดที่ 17.6

ปัจจัยหลักมาจาก

• รายได้ธุรกิจ iQIYI ที่ยังลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับ ตลาดออนไลน์ยังเผชิญภาวะเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดออนไลน์

แนวโน้มรายได้และกำไรของ Baidu ในไตรมาสหน้า

• ความสามารถด้าน AI ของบริษัทเริ่มได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างมากขึ้น สะท้อนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจ AI Cloud และมองว่า AI จะมีส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้และกำไรของธุรกิจออนไลน์ของบริษัทกลับมาขยายตัวได้ในระยะข้างหน้า


รายได้ของ Alibaba ลดลงในไตรมาสที่ 3 จากหลายปัจจัยสำคัญ

รายได้รวมอยู่ที่ 236.5 พันล้านหยวน (33.7 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 239.97 พันล้านหยวน กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 15.06 หยวน (2.15 ดอลลาร์) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 14.79 หยวน แต่ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ปัจจัยหลักมาจาก

• มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แสดงถึงการเติบโตของรายได้ที่ต่ำกว่าในอดีต

• บริษัทได้ซื้อหุ้นคืนมูลค่า 4,100 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ ทำให้กระแสเงินสดลดลง 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคลาวน์

• เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคในจีนยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

• การแข่งขันด้านราคาในตลาด e-commerce ที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งสำคัญอย่าง Pinduoduo และ Douyin

แนวโน้มรายได้ของ Alibaba ในไตรมาสถัดไปมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตต่อเนื่อง

• รายได้จากกลุ่ม Cloud Intelligence ของ Alibaba เพิ่มขึ้น 7% ในไตรมาสที่ 3 เป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI เติบโตในระดับสามหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

• Alibaba ยังคงลงทุนเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานและเสริมสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

• รายได้จากธุรกิจการค้าในต่างประเทศของ Alibaba เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งแสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ


อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยียังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม


มุมมองการลงทุนต่อตลาดหุ้นจีน

K WEALTH มองว่าการปรับตัวลงเป็น Sentiment ในระยะสั้น ขณะที่มีแรงหนุนจากรัฐบาลจีนยังคงการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและคาดว่าได้เตรียมมาตราการรับมือกับนโยบายทรัมป์ไว้แล้ว ประกอบกับ Valuation ของตลาดหุ้นค่อนข้างถูก โอกาสปรับตัวลงแรงๆมีจำกัด เราจึงแนะนำให้นักลงทุน “ถือลงทุนต่อ” และรอประเมินสถานการณ์จากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค. ก่อนตัดสินใจลงทุน


คำแนะนำสำหรับนักลงทุน

K WEALTH มีมุมมองการลงทุนเป็นกลาง ต่อตลาดหุ้นจีน

• สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีน (เช่น K-CHINA K-CHX K-CCTV) น้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด

o หากมีกำไร สามารถพิจารณาขายส่วนที่กำไรได้

o แต่หากยังขาดทุน ก็ยังคงสามารถถือต่อได้อยู่ เพื่อรอให้ราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง

• สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนเกิน 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำพิจารณาหาโอกาสขายเพื่อลดสัดส่วนให้เหลือน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนรวม และแนะนำลงทุนกองทุนที่ทาง ทีม K WEALTH แนะนำกองทุนแนะนำประจำเดือน พ.ย. อย่าง K-GINFRA , K-GHEALTH และสามารถติดตามมุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์ ได้ทุกวันจันทร์ในบทความ K WEALTH


ขอบคุณข้อมูลจาก : Reuter , Investing.com , Bloomberg , U.S.News



คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GINFRA ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 กองทุนมีป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (T+4) (10.00 น.เป็นต้นไป)

*กองทุน K-GHEALTH ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (T+4) (10.00 น.เป็นต้นไป)

ผู้เขียน

K WEALTHกานต์พิชชา แดงพิบูลย์สกุล

Back to top