หุ้นจีนร่วงแรง หลังงบกลุ่มเทคฯออกมาน่าผิดหวัง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีน ดัชนี CSI 300 และ ดัชนี Shanghai ปรับตัวลงแรงกว่า 3% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาครบแล้วส่วนใหญ่ประกาศออกมาน่าผิดหวังทั้งในดัชนี CSI 300 และ ดัชนี Shanghai โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ที่พึ่งมีการเปิดเผยรายได้และกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/67 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้น PDD Holdings หรือ Pinduoduo ร่วงลงแรงถึง 10.5% หุ้น Baidu ปรับตัวลดลง 8.6% ขณะที่หุ้น Alibaba ปรับตัวลง 2.86% จากรายได้ที่ต่ำกว่าคาด แม้จะทำกำไรได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
นอกจากนี้นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ซึ่งอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 60% โดยนโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจจีน และเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นจีนให้ปรับตัวลดลงในช่วงนี้
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาด CSI 300 ส่วนใหญ่รายได้และกำไรออกมาต่ำกว่าคาด
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาด Shanghai Composite ส่วนใหญ่รายได้ต่ำกว่าคาด
รายได้ที่เติบโตต่ำกว่าคาดของ Pinduoduo เกิดจากการบริโภคที่ชะลอตัว
Pinduoduo บริษัทที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซและสตูดิโอเกม ปัจจุบันมีมูลค่าแซงหน้า Alibaba โดยรายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 โตที่ 44% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 99.35 พันล้านหยวน (13.72 พันล้านดอลลาร์) แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 102.65 พันล้านหยวน กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 18.59 หยวน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 19.79 หยวน
ปัจจัยหลักมาจาก
• อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นในกลุ่มเยาวชนจีนและวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
• การแข่งขันที่รุนแรงจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Alibaba และ JD.com ทำให้ PDD ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการลดราคาสินค้าและเพิ่มโปรโมชั่น และในช่วงที่ผ่าน PDD เน้นกำหนดราคาสินค้าต่ำเพื่อดึงดูดผู้บริโภคทำให้เกิดปัญหาสงครามราคาที่รุนแรงขึ้น
• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศโดยรัฐบาลจีนที่ PDD ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากข้อจำกัดของแพลตฟอร์ม
แนวโน้มรายได้และกำไร ของ pinduoduo ในไตรมาสหน้า
• PDD มีความแข็งแกร่งในแพลตฟอร์ม Temu การเติบโตนี้อาจช่วยสนับสนุนรายได้ในไตรมาสถัดไป
• PDD มุ่งมั่นที่จะลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว แม้ว่าการลงทุนนี้อาจส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะสั้น
Baidu ประกาศรายได้ลดลงต่ำสุดใน 2 ปี กดดันราคาหุ้น
Baidu บริษัท Search Enging รายใหญ่สุดของจีน รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีรายได้ลดลง -3% อยู่ที่ 33.6 พันล้านหยวนต่ำกว่าที่ตลาดคาด กำไรต่อหุ้นลดลง -19% ที่ 16.6 ต่ำกว่าคาดที่ 17.6
ปัจจัยหลักมาจาก
• รายได้ธุรกิจ iQIYI ที่ยังลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับ ตลาดออนไลน์ยังเผชิญภาวะเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดออนไลน์
แนวโน้มรายได้และกำไรของ Baidu ในไตรมาสหน้า
• ความสามารถด้าน AI ของบริษัทเริ่มได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างมากขึ้น สะท้อนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจ AI Cloud และมองว่า AI จะมีส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้และกำไรของธุรกิจออนไลน์ของบริษัทกลับมาขยายตัวได้ในระยะข้างหน้า
รายได้ของ Alibaba ลดลงในไตรมาสที่ 3 จากหลายปัจจัยสำคัญ
รายได้รวมอยู่ที่ 236.5 พันล้านหยวน (33.7 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 239.97 พันล้านหยวน กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 15.06 หยวน (2.15 ดอลลาร์) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 14.79 หยวน แต่ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ปัจจัยหลักมาจาก
• มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แสดงถึงการเติบโตของรายได้ที่ต่ำกว่าในอดีต
• บริษัทได้ซื้อหุ้นคืนมูลค่า 4,100 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ ทำให้กระแสเงินสดลดลง 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคลาวน์
• เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคในจีนยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
• การแข่งขันด้านราคาในตลาด e-commerce ที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งสำคัญอย่าง Pinduoduo และ Douyin
แนวโน้มรายได้ของ Alibaba ในไตรมาสถัดไปมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตต่อเนื่อง
• รายได้จากกลุ่ม Cloud Intelligence ของ Alibaba เพิ่มขึ้น 7% ในไตรมาสที่ 3 เป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI เติบโตในระดับสามหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
• Alibaba ยังคงลงทุนเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานและเสริมสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
• รายได้จากธุรกิจการค้าในต่างประเทศของ Alibaba เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งแสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยียังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
มุมมองการลงทุนต่อตลาดหุ้นจีน
K WEALTH มองว่าการปรับตัวลงเป็น Sentiment ในระยะสั้น ขณะที่มีแรงหนุนจากรัฐบาลจีนยังคงการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและคาดว่าได้เตรียมมาตราการรับมือกับนโยบายทรัมป์ไว้แล้ว ประกอบกับ Valuation ของตลาดหุ้นค่อนข้างถูก โอกาสปรับตัวลงแรงๆมีจำกัด เราจึงแนะนำให้นักลงทุน “ถือลงทุนต่อ” และรอประเมินสถานการณ์จากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค. ก่อนตัดสินใจลงทุน
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน
K WEALTH มีมุมมองการลงทุนเป็นกลาง ต่อตลาดหุ้นจีน
• สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีน (เช่น K-CHINA K-CHX K-CCTV) น้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
o หากมีกำไร สามารถพิจารณาขายส่วนที่กำไรได้
o แต่หากยังขาดทุน ก็ยังคงสามารถถือต่อได้อยู่ เพื่อรอให้ราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง
• สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนเกิน 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำพิจารณาหาโอกาสขายเพื่อลดสัดส่วนให้เหลือน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนรวม และแนะนำลงทุนกองทุนที่ทาง ทีม K WEALTH แนะนำกองทุนแนะนำประจำเดือน พ.ย. อย่าง K-GINFRA , K-GHEALTH และสามารถติดตามมุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์ ได้ทุกวันจันทร์ในบทความ K WEALTH
ขอบคุณข้อมูลจาก : Reuter , Investing.com , Bloomberg , U.S.News