กองทุน K-CHANGE ผลตอบแทนโดดเด่นนำกองทุนอื่น
กองทุน K-CHANGE ปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ผลตอบแทนกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change B Acc อยู่ที่ 5.45% ณ วันที่ 26 พ.ย. 67 )
ปัจจัยหนุนหลักมาจาก
หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่อยู่ในพอร์ตที่ laggard มานาน ได้แรงกระตุ้นอานิสงส์จากนโยบายลดภาษีนิติบุคคลของทรัมป์ช่วยหนุนคาดการณ์ภาพรวมกำไรจดทะเบียน (EPS) มีแนวโน้มกลับมาเติบโตโดดเด่น
โดยหุ้นที่หนุนกองทุนปรับขึ้นใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (19 – 26 พ.ย. 67) ได้แก่
• MercadoLibre Inc :บริษัทแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ในแถบลาตินอเมริกา ที่มีสัดส่วนในกองทุน 8.3% ปรับตัวขึ้น 10.10%
• Deere & Co : บริษัทผู้นำอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร อันดับ 1 ทั้งตลาดหุ้นอเมริกาและอันดับโลก ที่มีสัดส่วนในกองทุน 4.8% ปรับตัวขึ้น 15.23%
• Shopify Inc : แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์แบบสำเร็จรูปที่ปัจจุบันใหญ่พอๆกับ Starbucks และ Boeing ที่มีสัดส่วนในกองทุน 6.8% ปรับตัวขึ้น 7.16%
• Duolingo : ผลิตแอปพลิเคชันด้านการเรียนรู้ภาษาที่มีคอร์สเรียนมากถึง 38 ภาษาได้รับความนิยมมากจนขึ้นแท่นเป็นแอปการศึกษาที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในโลก มีสัดส่วนในกองทุน 6.3% ปรับตัวขึ้น 9.77%
• Alnylam Pharmaceuticals, Inc. : บริษัทพัฒนาและการจำหน่ายยารักษาโรค RNA ผลงานที่มีชื่อเสียง ได้แก่ patisiran และ vutrisiran มีสัดส่วนในกองทุน 5.23% ปรับตัวขึ้น 8.14%
ประกอบแนวโน้มเงินปอนด์ GBP ที่อ่อนค่าเทียบ สกุล USD เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในกองทุน (เนื่องจากกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change Fund ลงทุนในสกุลเงินปอนด์)
กองทุน K-Change เป็นกองทุน Thematic ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ผู้จัดการกองทุนมีการคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีมีการกระจายการลงทุนที่หลากหลายในหุ้นเติบโตที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน
1) ทางสังคมและการศึกษา
2) ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
3) การดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิต
4) การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
ทำให้ได้ประโยชน์จากตลาดที่เป็นขาขึ้นที่ผลตอบแทนของหุ้นเริ่มกระจายตัวมากกว่าการลงทุนที่กระจุกตัวอยู่ในหุ้น “Magnificent 7”
มุมมองการลงทุน กองทุน K-CHANGE เป็น Neutral
K-CHANGE เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากพักฐานไปนานกว่า 3 ปี เนื่องจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นไป 100% ในช่วงปี 2563-2564 สะท้อนความคาดหวังราคาหุ้นในอนาคตในกองทุนล่วงหน้าไปหลายปี ทำให้มูลค่าหุ้นถือว่าแพงในหลายตัว ณ ตอนนั้น จึงถูกแรงเทขาย ราคาจึงปรับลงในช่วงก่อน
อย่างไรก็ตาม งบการเงินในหุ้นที่ลงทุนหลายตัวได้พิสูจน์แล้วว่าหุ้นที่กองทุนเลือกลงทุนเติบโตได้จริงในระยะยาวทำให้มูลค่าลงมาเหมาะสมน่าลงทุนอีกครั้ง โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนระยะยาว 5-10 ปี มีการปรับพอร์ตค่อนข้างน้อย
K WEALTH มองไปข้างหน้าเรายังค่อนข้างมีมุมมองระมัดระวังในหุ้นขนาดใหญ่เหล่านี้ที่ขึ้นมาเกิน 100% ในรอบ 1-2 ปีล่าสุด และเชื่อว่าหุ้นที่ขนาดเล็กลงมาจะกลับมาทำผลตอบแทนได้ดีกว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า
คำแนะนำกองทุน
นักลงทุนเดิม : แนะนำถือลงทุนต่อ (กรณีถือลงทุนไม่เกิน 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด)
นักลงทุนใหม่ : แนะนำลงทุนใน K-CHANGE-SSF และ KCHANGERMF ที่ยังคงมีโอกาสเติบโตสูง ลงทุนในระยะยาว และยังสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ในช่วงปลายปีนี้