Bitcoin มาแรง! โอกาสหรือความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน?
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) โดยเฉพาะ Cryptocurrency ได้รับความสนใจอย่างมหาศาลในแวดวงการเงิน ไม่เพียงแต่ในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่ แต่ยังรวมถึงนักลงทุนสถาบันและองค์กรใหญ่ทั่วโลกที่เริ่มหันมาถือครองสินทรัพย์นี้อย่างจริงจัง จนทำให้เกิดคำถามสำคัญในวงการ 2 คำถามคือ:
• "Bitcoin เป็นโอกาสทองของนักลงทุนรุ่นใหม่ หรือเป็นฟองสบู่ที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ?"
• "ในพอร์ตการลงทุนควรมีสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยหรือไม่?"
ในบทความนี้ เราจะสำรวจเหตุผลที่ Bitcoin มาแรง พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของมันเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เพื่อช่วยให้คุณประเมินได้ว่าสินทรัพย์นี้เหมาะสมกับพอร์ตของคุณหรือไม่
ทำไม Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลถึงน่าจับตามอง?
1. เทคโนโลยี Blockchain
Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและโปร่งใส โดยข้อมูลทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้ในลักษณะของ Blockchain ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ การที่ Cryptocurrency มีพื้นฐานอยู่บน Blockchain ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบมีความปลอดภัยสูงและไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้ง่าย ทำให้หลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน โลจิสติกส์ และสุขภาพ เริ่มนำไปใช้งาน
2. การเติบโตของตลาดและเริ่มได้รับการยอมรับในวงกว้าง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทใหญ่ ๆ เช่น Tesla, Visa, และ PayPal เริ่มยอมรับและสนับสนุนการใช้ Cryptocurrency ในการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกจากนี้ ธนาคารและรัฐบาลในหลายประเทศยังเริ่มศึกษาและวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ไม่ใช่เพียงการเก็งกำไร แต่มีแนวโน้มการเติบโตและเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพระยะยาว
3. ผลตอบแทนสูง
Cryptocurrency มีลักษณะความผันผวนสูง ซึ่งแม้จะเป็นความเสี่ยง แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูง การลงทุนใน Cryptocurrency ก็มีโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาสั้น ตัวอย่างเช่น ในระยะเวลาเพียง 5 ปี (2016-2021) ราคา Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้นจากหลักพันดอลลาร์ สู่ระดับหลายหมื่นดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการทำกำไรโดยใช้ระยะเวลาลงทุนไม่นานมากในสินทรัพย์นี้ นอกจากนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาว ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าจูงใจ การลงทุนใน Bitcoin ตั้งแต่ปี 2010 ถึงปัจจุบัน ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าทุกสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น ทองคำ ตราสารหนี้ และหุ้นโลก
4. การเข้าถึงที่ง่าย
ระบบซื้อขายที่สามารถให้นักลงทุนเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินทุนไม่มากและไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถลงทุนใน Cryptocurrency ได้ เพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งแตกต่างจากสินทรัพย์อื่นที่อาจมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการลงทุน
กราฟ : เปรียบเทียบผลตอบแทนของ Bitcoin ทองคำ ตราสารหนี้ และ หุ้นโลก ตั้งแต่ปี 31 ก.ค. 2010 – 3 ธ.ค. 2024
ที่มา Bloomberg ณ วันที่ 3 ธ.ค.2567
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์
ปัจจัย
| Cryptocurrency
| หุ้น
| ทองคำ
| ตราสารหนี้
|
ผลตอบแทน
| สูงมาก
| ปานกลางถึงสูง
| ปานกลาง
| ต่ำถึงปานกลาง
|
ความผันผวน (ความเสี่ยง
| สูงมาก
| ปานกลาง
| ต่ำ
| ต่ำมาก
|
ความปลอดภัย
| ต่ำ
| ปานกลางถึงสูง
| สูง
| สูงมาก (โดยเฉพาะตราสารหนี้รัฐบาล)
|
รายได้ต่อเนื่อง
| ไม่มี
| มี (ปันผลในบางกรณี)
| ไม่มี
| มี (ดอกเบี้ย)
|
การกำกับดูแล
| ขาดการกำกับดูแล
| มีการกำกับดูแลชัดเจน
| ไม่มีการกำกับดูแล
| มีกฎระเบียบชัดเจน
|
สภาพคล่อง
| สูง
| ปานกลางถึงสูง
| ปานกลาง
| ปานกลางถึงต่ำ
|
อิทธิพลของ Donald Trump ต่อ Bitcoin และ Cryptocurrency
ในช่วงที่ Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยแรก เขามีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของสินทรัพย์ดิจิทัลในหลากหลายมิติ:
• ทัศนคติที่ต่อต้าน Bitcoin และ Cryptocurrency
ในปี 2019 Trump เคยแสดงความเห็นว่า Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ ไม่ใช่เงินจริงและมูลค่าถูกสร้างจากอากาศ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความกังวลในเรื่องกฎระเบียบที่อาจเข้ามาจำกัดการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
• นโยบายทางการเงินในยุค Trump
การลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่มหนี้ภาครัฐ สร้างความกังวลด้านเงินเฟ้อในระยะยาว ส่งผลให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
• ผลกระทบจากสงครามการค้ากับจีน
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในยุค Trump ทำให้นักลงทุนมองหาทางเลือกที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและไร้พรมแดน เช่น Bitcoin
แม้ที่ผ่านมา Trump จะไม่ได้มีท่าทีสนับสนุน Cryptocurrency แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารของเขา ได้กระตุ้นการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในทางอ้อม การกลับมาอีกครั้งของ Trump ในปีหน้า จึงคาดว่าจะส่งผลให้ตลาด Cryptocurrency กลับมาคึกคักอีกครั้ง
Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลเหมาะกับคุณแค่ไหน?
Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลเหมาะสำหรับนักลงทุนที่พร้อมรับความเสี่ยงได้สูงและเข้าใจตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วเป็นอย่างดี โดยความเสี่ยงที่สำคัญได้แก่
1. ความผันผวนของราคาสูง: ราคา Cryptocurrency สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระดับสูงในระยะเวลาอันสั้น เช่น ราคาของ Bitcoin ที่ขึ้นลงหลายพันดอลลาร์ภายในวันเดียว
2. ขาดการกำกับดูแล: การลงทุนใน Cryptocurrency ยังไม่ได้รับการควบคุมอย่างเต็มที่จากหน่วยงานกำกับดูแล ในหลายประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงและการถูกโจรกรรมข้อมูล
3. ความซับซ้อนทางเทคนิค: นักลงทุนมือใหม่อาจพบว่าการเข้าใจเทคโนโลยี Blockchain และการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องยาก
หากคุณเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้ได้และพร้อมรับมือ คุณก็สามารถเริ่มลงทุนใน Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่อย่างไรก็ตาม การกระจายการลงทุนยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลในการลงทุน
คำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนที่ผสมผสานระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล
• กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ ตามความเสี่ยงที่รับได้
• แบ่งสัดส่วนการลงทุนใน Bitcoin หรือ Cryptocurrency 5-10% ของพอร์ต (ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่รับได้) เพื่อเพิ่มโอกาสให้พอร์ตเติบโตและความเสี่ยงโดยรวมไม่สูงจนเกินไป และไม่ควรใช้เงินลงทุนที่เป็นเงินสดสภาพคล่องที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
• ใช้กองทุนรวมที่ลงทุนใน Blockchain หรือ Cryptocurrency เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น เช่น ASP-DIGIBLOC, KT-BLOCKCHAIN-A, LHGBLOCK-A หรือ SCBDIGI เป็นต้น
ความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้มาจากการไล่ตามกระแส แต่มาจากการวางแผนที่ชาญฉลาดและเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับตัวคุณ