เกาหลีใต้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ก่อนสภาลงมติยกเลิก
กลางดึกวันที่ 3 ธ.ค. 2567 ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึก โดยระบุว่าขอประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อปกป้องสาธารณรัฐเกาหลี จากภัยคุกคามของกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ เพื่อกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ
ในเวลาไม่นานมีประชาชนที่เป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านออกมารวมตัวบริเวณหน้ารัฐสภา ตามด้วยรัฐสภาเกาหลีใต้ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 190 คนจากจำนวนทั้งหมด 300 คน ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึก
ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
เช้าวันที่ 4 ธ.ค. ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้เปิดตลาด -1.91% ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเคลื่อนไหวที่ระดับ -1.81% (4 ธ.ค. 2567 เวลา 9.51 น.) ขณะที่ค่าเงินวอนอ่อนตัวต่ำสุด 2.9% ก่อนจะกลับมาแข็งค่าใกล้เคียงระดับก่อนเกิดเหตุการณ์ประกาศกฎอัยการศึก
มุมมองการลงทุน
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของการเมืองเกาหลีใต้ โดยประธานาธิบดีเกาหลีใต้อาจโดนแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหรืออาจโดนลงมติถอดถอน
ระยะกลางอาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและรัฐมนตรีซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายภาครัฐ และระยะสั้นทั้งตลาดการเงินทั้งตลาดหุ้นและตลาดค่าเงินจะมีความผันผวน และคาดว่าตลาดหุ้นเกาหลีใต้จะกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานหลังสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน
โดยกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นเกาหลีใต้ มีดังนี้ K-WPULTIMATE, K-ATECH, K-ASIA, K-ASIAX, K-GEMO, K-SEMQ, K-WORLDX, K-GSELECT
จึงมีคำแนะนำสำหรับกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นเกาหลีใต้ มีดังนี้
ผู้ที่ถือกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นเกาหลีใต้ แนะนำถือลงทุนต่อ และติดตามสถานการณ์ในช่วงเวลาต่อจากนี้
ผู้ที่ยังไม่ถือกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นเกาหลีใต้ แนะนำติดตามสถานการณ์ในช่วงเวลาต่อจากนี้
กองทุน K-ICT ปรับตัวขึ้นแรง 3% รับ AIS ออกแพคเกจสตรีมมิ่งสุดคุ้ม
กองทุน K-ICT ปรับตัวขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 หลัง AIS เปิดตัวแพคเกจ PLAY ULTIMATE มัดรวมสตรีมมิ่งชั้นนำของโลก ส่งให้หุ้น ADVANC ปรับตัวขึ้น 3.50% และหุ้น INTUCH ปรับตัวขึ้น 5.40% อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากข่าวที่มีการเปิดเผยว่า GULF และ NVIDIA เตรียมประกาศความร่วมมือด้าน AI และ Cloud
K WEALTH ยังมีมุมมองเป็น Neutral ต่อการลงทุนหุ้นไทย โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว แต่ยังมีแรงกดดันจากทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงและการส่งออกที่มีปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องติดตามการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในแง่การเงินและการคลังในปี 2568
จึงมีคำแนะนำสำหรับกองทุนหุ้นไทย ดังนี้
ผู้ที่ถือกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นไทย แนะนำถือลงทุนต่อ
ผู้ที่ถือกองทุนที่ไม่มีสัดส่วนหุ้นไทย แนะนำรอติดตามสถานการณ์การลงทุน โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น
โดยมีคำแนะนำในกองทุนแนะนำ มีดังนี้
• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-USA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมรับทุกโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจสหรัฐฯ
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg