ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และพร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อในปีหน้า หลังเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัว

ประเด็นร้อน: ธนาคารกลางยุโรปประกาศปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25%

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และพร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อในปีหน้า หลังเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัว

• ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และพร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อในปีหน้า หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มยูโรโซนขยายตัวเพียง 2.3% ในเดือนพ.ย.

• K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวและคาดว่าจะยังคงชะลอต่อไปในปีหน้าทั้งในภาคการผลิตและบริการ แม้ว่า ECB จะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังต้องเผชิญกับความผันผวนจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศและกำลังซื้อจากจีนที่ไม่ฟื้นตัว


ธนาคารกลางยุโรปประกาศหั่นดอกเบี้ย 0.25%

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติในที่ประชุมเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ และพร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อในปีหน้า หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มยูโรโซนขยายตัวเพียง 2.3% ในเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา


การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 3.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 3.40% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 3.15%


ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศยูโรโซนในเดือนพ.ย. ขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเข้าใกล้กรอบเป้าหมายของทางการที่ระดับ 2.0%


ในปีนี้ ยูโรต้องรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความไม่เสถียรทางการเมืองในเยอรมนีและฝรั่งเศส และอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ในยุโรปพึ่งพาการส่งออก สงครามการค้ากับสหรัฐฯ อาจเป็นอุปสรรคสำคัญในปี 2025


ดัชนีที่เกี่ยวข้อง

จากการประชุมของ ECB เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2024 ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปมีความเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบ ทั้งในเชิงบวกและลบ

• ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 -0.14%

• ตลาดหุ้นฝรั่งเศส CAC 40 -0.03%,

• ตลาดหุ้นเยอรมนี DAX +0.13%

• ตลาดหุ้นลอนดอน FTSE 100 +0.12%


การเปลี่ยนแปลงของดัชนีนี้จะมีผลต่อราคากองทุนยุโรปที่เกี่ยวข้องในวันถัดไป เช่น K-EUX, K-EUROPE-A(D), K-EUSMALL


มุมมองการลงทุน

K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง และคาดว่าปีหน้าจะยังคงชะลอตัวต่อทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ แม้ว่า ECB จะดำเนินมาตรการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แต่ยังต้องเผชิญกับความผันผวนจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ และกำลังซื้อจากจีนที่ยังคงไม่ฟื้นตัว


คำแนะนำ การลงทุนกองทุนยุโรป เช่น K-EUX, K-EUROPE-A(D), K-EUSMALL

o สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นยุโรป น้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำคงน้ำหนักการลงทุนในสัดส่วนเดิมที่ถืออยู่

o สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นยุโรปเกิน 30%ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำพิจารณาหาโอกาสขายเพื่อลดสัดส่วนให้เหลือไม่เกิน 30%ของเงินลงทุนรวม

o ผู้ลงทุนใหม่แนะนำรอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน


• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-USA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมรับทุกโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจสหรัฐฯ

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน

o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่

 กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ

 กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้


• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ

o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน

o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg


คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top