บทสรุปแห่งปี 2024

บทสรุปแห่งปี 2024 กองไหนมาแรง

บทสรุปแห่งปี 2024

    ในปีที่ผ่านมา ทั้งสินทรัพย์เสี่ยง และตราสารหนี้ต่างทำผลตอบแทนได้ดี


  • กลุ่มกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสมยังครองแชมป์กองทุนขายดีอันดับ 1 ของธนาคารกสิกรไทย
  • รองลงมาคือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีที่สุดตลาดหนึ่ง หนุนโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี AI
  • อันดับ 3 คือ หุ้นไทย ที่นักลงทุนแห่เข้าลงทุนในครึ่งปีแรก เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงที่ SET Index อยู่ต่ำกว่าระดับ 1,400 จุดลงมา
  • อันดับ 4 คือ กองทุนทองคำ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีนี้ รวมถึงเป็นปีที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 ปี
  • อันดับ 5 คือ กองทุนหุ้นเวียดนาม แม้ตลาดหุ้นเวียดนามจะปรับตัวขึ้นน้อยเทียบกับปีก่อนๆ แต่ยังบวกได้ถึง 12% เลยทีเดียว

5 อันดับกองทุนขายดีในปี 2024 จากธนาคารกสิกรไทย

  1. กองทุนตราสารหนี้/กองทุนผสม: แชมป์ขายดีอันดับ 1!
    • สำหรับกองทุนขายดีอันดับ 1 ต้องยกให้กองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ K-SF-A/ K-TREASURY /K-SFPLUS/ K-CASH/K-FIXED-A/K-FIXEDPLUS-A โดยในปีที่ผ่านมากองทุนตราสารหนี้ทำผลตอบแทนได้ดีกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ไทย จาก Yield ตราสารหนี้ไทย ที่ปรับตัวลงค่อนข้างมากตามแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศในปี 2024 ถูกกดดันในช่วงปลายปีจาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่กลับมาเร่งตัวหลัง Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยและชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับมุมมองในระยะข้างหน้า ตราสารหนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาลง ขณะที่ Bond Yield ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว สะท้อนว่าตลาดมีการตอบรับปัจจัยดังกล่าวไปพอสมควร แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว เพราะมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
    • สำหรับกองทุนที่ฮอตไม่แพ้กองทุนตราสารหนี้ คือ กองทุนผสม ได้แก่ K-WPBALANCED/K-WPSPEEDUP/K-WPULTIMATE และ K-PLAN2/K-PLAN3 โดยกองทุนผสมเหล่านี้จะมีการกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องคอยปรับพอร์ตการลงทุน หรือจับจังหวะการซื้อขายด้วยตนเอง สามารถถือไปได้ยาวๆ โดยปัจจุบัน K WEALTH แนะนำให้นักลงทุนมีกองทุนผสมกลุ่ม WEALTH PLUS Series เป็น Core Portfolio โดยสามารถเลือกได้ตามเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวังและความเสี่ยง


  2. กองทุนหุ้นสหรัฐฯ: ท๊อปฟอร์ม

    อันดับที่ 2 กองทุนหุ้นสหรัฐฯ เชื่อว่าหลายคนคงมีกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ติดพอร์ตอยู่แน่ๆ โดยในปี 2024 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นแท่นติดท๊อปฟอร์มเบอร์หนึ่ง ดัชนี Nasdaq +28.64% ขณะที่ดัชนี S&P500 +23.31% หนุนโดยแก๊งค์หุ้นกลุ่มเทคฯ และ AI โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ ส่วนในครึ่งปีหลังก็ยังมีแรงส่งต่อจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นหลัง Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และชัยชนะของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนพ.ย. ส่งผลให้นักงทุนมีความหวังต่อนโยบายการลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ สำหรับในปี 2025 นี้ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนมากขึ้นจากนโยบายของปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ทั้งนี้แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และกลุ่มเทคโนโลยีขึ้นมาเยอะจนดูแพงแล้ว แต่ยังมีปัจจัยหนุนหลักคือกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะยังเติบโตได้ดี สำหรับนักลงทุนที่อยากลุ้นกับหุ้นสหรัฐฯ ต่อในปี 2025 นี้ เราแนะนำกระจายการลงทุนจากกลุ่ม Growth stock ของสหรัฐฯ ไปยังกลุ่มอื่นๆ ด้วย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มที่ Valuation ยังไม่แพงกำไรยังเติบโตได้ และไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีการนำเข้า (Tariff)


  3. กองทุนหุ้นไทย: เริ่มฟื้น
  4. นักลงทุนแห่ซื้อกองทุนหุ้นไทยโดยเฉพาะในครึ่งปีแรก ที่ SET Index อยู่ต่ำกว่าระดับ 1,400 จุดลงมา โดยตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงส.ค. จาก 1) การเมืองดูมีสเถียรภาพมากขึ้น 2) การเก็งกำไรหุ้นใหญ่ในกองทุนวายุภักษ์ 3) การลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯและไทย สำหรับปี 2025 K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย โดยมี Upside จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.อีก 1-2 ครั้ง แต่ยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เศรษฐกิจไทยที่โตช้ากว่าคาด และยังต้องจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนว่าจะออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้หรือไม่


  5. ทองคำ: New High
  6. หนึ่งในสินทรัพย์ที่ฮอตที่สุดในปี 2024 ต้องยกให้ทองคำ สำหรับกองทุนทองคำ แม้จะเป็นกองทุนขายดีอันดับ 4 แต่ผลตอบแทนดีที่สุดเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว และนับเป็นขาขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 ปีของทองคำ โดยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปีและขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 2,800 ดอลลาร์/ออนซ์ จากราว 2,000 ดอลลาร์/ออน์ในเดือนธ.ค. 2023 หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% เลยทีเดียว ปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำ คือ 1) การแห่สะสมทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจีน และ 2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย


    สำหรับทองคำในปี 2025 นี้ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองจะยังทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ และยังมีแรงหนุนจากการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะดำเนินต่อไปในปีนี้


  7. เวียดนาม: ดาวเด่น
  8. แม้ปี 2024 จะเป็นปีที่ตลาดหุ้นเวียดนามทำผลตอบแทนได้ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 จากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ภาพรวมทั้งปี ดัชนี VN Index เทรดอยู่ในกรอบ 1,200-1,300 จุด แต่หากย้อนดูนับตั้งแต่ต้นปีนับว่าตลาดหุ้นเวียดนามในปี 2024 ทำผลตอบแทนได้ดีไม่น้อย โดยดัชนี VN Index บวกถึง 12% โดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย หนุนจากฝั่งนักลงทุนรายย่อยที่ยังคงเข้าซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่เติบโตสูง ด้านกองทุน K-VIETNAM กองทุนหุ้นเวียดนามของเรา ทำผลตอบแทนโดดเด่นเหนือดัชนี VN Index โดยปรับตัวขึ้นถึง +15.1%


    สำหรับปี 2025 ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ ที่จะได้ประโยชน์จากโอกาสที่ตลาดหุ้นเวียดนามกำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ในปี 2025 ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเวียดนาม อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ได้อานิสงส์บวกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนอีกด้วย




คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHปาณิศา เจียรพุฒิ

Back to top