การจัดการเงินลงทุนในกองทุน LTF ที่ครบเงื่อนไขเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้แล้ว ค้นพบวิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ด้วยการเลือกทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมและมีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้เงินลงทุนของคุณเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่

กองทุน LTF ครบ ทางเลือกเพื่อความมั่งคั่งและมั่นคง

การจัดการเงินลงทุนในกองทุน LTF ที่ครบเงื่อนไขเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้แล้ว ค้นพบวิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ด้วยการเลือกทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมและมีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้เงินลงทุนของคุณเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่

  • กองทุน LTF ที่ถือครบเงื่อนไข หากไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนใช้เงินสามารถถือต่อได้ เพราะจากข้อมูลในอดีตตลาดหุ้นไทย 11 ปีย้อนหลังส่วนใหญ่มากมีผลการดำเนินงานเป็นบวก และมีบางปีที่ผลการดำเนินงานโดดเด่นมากกว่า 15% ต่อปี ซึ่งหากถือต่อ ก็มีโอกาสที่กองทุน LTF ที่ขาดทุนอยู่จะกลับมามีกำไรได้ในปีที่ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกสนับสนุนมากพอ
  • สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้และกำลังมองหาทางเลือกการลงทุนอื่นที่ไม่ใช่ตลาดหุ้นไทย K WEALTH ขอแนะนำให้สับเปลี่ยนไปลงในกองทุนผสม K-WPULTIMATE และ K-WPBALANCED ที่มีการกระจายการลงทุนหลากหลายทั่วโลก หรือกองทุนหุ้นแนะนำของ K WEALTH อย่าง K-VIETNAM K-USA-A(A) K-HIT-A(A) ที่มีแนวโน้มน่าลงทุนกว่ากองทุนหุ้นไทย
  • สำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำหรือมีเงินคืนค่อนข้างแน่นอน ขอแนะนำประกัน 80/8 big bonus ที่มีเงินคืนทุกปีจนถึงอายุ 80 ปี กองทุน Term Fund ที่มีระบุประมาณการผลตอบแทนให้ทราบก่อนลงทุน ซึ่งมักสูงกว่าเงินฝาก และกองทุนตราสารหนี้อย่าง K-FIXEDPLUS-A หรือ K-SF-A ที่ขายคืนได้ทุกวันทำการ รองรับความจำเป็นเมื่อต้องการใช้เงิน

ทำอย่างไร? กับเงินลงทุนในกอง LTF ที่ถือมาครบ 7 ปีปฏิทิน... หากเป็นคนที่ยังมีรายได้ต้องเสียภาษีอยู่ ส่วนใหญ่คงนำเงินที่ครบไปลงทุนกองทุน ThaiESG หรือกองทุน RMF เพื่อลดหย่อนภาษีต่ออีกครั้ง แต่สำหรับคนที่ปีนี้ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว หากยังไม่รู้ว่าควรถือกองทุน LTF ต่อ หรือย้ายเงินไปทำอย่างอื่นดี K WEALTH มีทางเลือกที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือกองทุน LTF ทุกคน มาฝากกัน




  1. ถือกองทุน LTF ต่อ เพื่อให้เงินเติบโต

    หากลองพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี ณ 2 ม.ค. 68 ของกองทุน LTF บลจ.กสิกรไทย พบว่านอกจากกองทุน KMSLTF-C(L) ที่มีผลการดำเนินงานเป็นบวกที่ 1.06% ต่อปีแล้ว กองทุน LTF อื่น ยังมีผลขาดทุนอยู่ที่ 1.30 - 5.02% ต่อปี หรือเทียบเป็นขาดทุนสะสม 5 ปีประมาณ 6.50 - 25.10% (รวมผลตอบแทนจากเงินปันผลแล้ว)


    หากพิจารณาผลการดำเนินงานของดัชนี SET TRI ซึ่งเป็นตัวแทนการลงทุนในหุ้นไทย ตามปีปฏิทินย้อนหลัง* ในช่วงปี 2557-2567 พบว่า มีอยู่ 7 ปี ที่ผลการดำเนินงานเป็นบวก และมีอยู่ 4 ปี ที่มีผลการดำเนินงานมากกว่า 15% ต่อปี (17.30 - 23.89% ต่อปี) ดังนั้นหากใครยังขาดทุนจากการถือกองทุน LTF สูงอยู่ เช่น ขาดทุนเกิน 10% การถือกองทุน LTF ต่อ ก็มีโอกาสที่อาจใช้เวลาไม่กี่ปี ที่มูลค่ากองทุน LTF จะกลับมาเท่าทุนหรือกำไรได้


    K WEALTH ยังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย โดยประเทศไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้การแข่งขันด้านการส่งออกด้อยกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน อีกทั้งการค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่จะจำกัดการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในระยะข้างหน้าด้วย อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ในช่วงต้นปี 68 คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการบริโภค ส่วนระยะกลางถึงระยะยาวคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ ดังนั้นกองทุน LTF ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นไทย จึงยังคงสามารถถือต่อได้


  2. สับเปลี่ยนไปกองทุนอื่น ที่มีแนวโน้มน่าลงทุนมากกว่า

    สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ และต้องการให้เงินที่ถืออยู่นี้ มีการเติบโตต่อในทางเลือกอื่นนอกเหนือจากหุ้นไทย หรือรู้สึกว่ากองทุน LTF ที่ถือขาดทุนไม่มาก เช่น ขาดทุนไม่เกิน 10% และพร้อมที่จะย้ายเงินไปลงทุนทางเลือกอื่นที่มีแนวโน้มดีกว่า เราขอแนะนำการลงทุนในกองทุนแนะนำของ K WEALTH โดยอาจทำรายการ “ขายคืน” กองทุน LTF เดิมและรอรับเงินค่าขายคืนเพื่อนำเงินนั้นไปทำรายการซื้อกองทุนอีกครั้ง หรือทำการ “สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน” จากกองทุน LTF ไปยังกองทุนอื่นโดยทำรายการเพียงครั้งเดียวก็ได้


    ผู้ลงทุนสามารถเลือกกองทุนที่ต้องการลงทุนได้จากกองทุนแนะนำของ K WEALTH ประจำเดือน ม.ค. 68 ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลัง* ณ 30 ธ.ค. 67 ส่วนใหญ่สูงกว่ากองทุน LTF เช่น

    • K-VIETNAM ที่เน้นลงทุนหุ้นที่จดทะเบียนในประเทศเวียดนาม
    • K-USA-A(A) ที่กองทุนหลักลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นของบริษัทสหรัฐอเมริกา
    • K-HIT-A(A) ที่กองทุนหลักลงทุนในหุ้นทั่วโลก สร้างพอร์ตการลงทุนผ่านกลยุทธ์การคัดเลือกธีมการลงทุน
    • K-WPULTIMATE ที่มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก สามารถถือลงทุนยาวเป็นเงินลงทุนหลักได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์บ่อยนัก โดยกองทุนนี้ลงทุนในหุ้นประมาณ 85% และตราสารหนี้ประมาณ 15%
    • สำหรับผู้ที่กังวลกับความเสี่ยง แนะนำกองทุน K-WPBALANCED ซึ่งเป็นกองทุนผสมเช่นเดียวกับกองทุน K-WPULTIMATE มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก แต่มีการลงทุนในหุ้นเพียงประมาณ 30% เท่านั้น และตราสารหนี้อีกประมาณ 70% สามารถถือลงทุนยาวเป็นเงินลงทุนหลักได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์บ่อยนัก

    หรือหากมีเป้าหมายที่จะนำเงินกองทุน LTF ที่ครบนี้ไปใช้จ่ายเรื่องอื่นนอกเหนือจากการลงทุน เช่น นำเงินไปเป็นค่าเบี้ยประกัน เพื่อเป็นหลักประกันไว้ใช้ในยามเกษียณให้กับตนเอง หรือเพื่อใช้สร้างมรดกหรือความคุ้มครองชีวิตก้อนโตให้กับครอบครัว ก็สามารถนำเงินจากกองทุน LTF ที่ครบนี้ ไปพักไว้ในกองทุน K-SF-A เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนระหว่างที่รอนำเงินนี้ไปจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันในปีต่อๆ ไปได้ โดยกองทุน K-SF-A เน้นลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐและเอกชน มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 2 ม.ค. 68 อยู่ที่ 2.23% ต่อปี* หากต้องการใช้เงิน สามารถขายคืนได้ทุกวันทำการ และรอ 1 วันทำการก็ได้เงิน (T+1)


  3. จัดสรรเงิน ไว้ใช้ในยามเกษียณ

    สำหรับคนที่เกษียณหรือออกจากงานแล้ว แม้ไม่ต้องเสียภาษีแต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับการจัดสรรเงินไว้ให้เพียงพอกับการใช้จ่ายหลังเกษียณ โดยเงินส่วนใหญ่ควรเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากแต่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ มีผลตอบแทนหรือเงินคืนที่ค่อนข้างแน่นอน เช่น


    • ประกัน 80/8 big bonus: ที่มีเงินคืนแน่นอนทุกปี เพื่อนำมาใช้จ่ายประจำวัน และมีเงินก้อนโตตอนอายุ 80 ปี เพื่อไว้ดูแลตัวเองในบั้นปลายชีวิตหรือเตรียมมอบให้ลูกหลานที่รักก็ได้
      • เป็นแบบประกันที่มีเงินคืนปีละ 12% ของทุนประกันเริ่มต้น นับตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 จนถึงอายุ 79 ปี และเมื่ออายุ 80 ปี ได้รับเงินครบสัญญา 800% ของทุนประกันเริ่มต้น หรือ 101%ของเบี้ยสะสม 8 ปี (ขึ้นกับจำนวนใดมากกกว่า)
      • เช่น ผู้ชาย อายุ 60 ปี หากนำเงินจากกองทุน LTF ที่ครบ มาแบ่งเป็นเบี้ยประกันรายปี ปีละ 121,700 บาท เป็นเวลา 8 ปี (รวมเป็นเงิน 973,600 บาท ได้ทุนประกัน 100,000 บาท โดยค่าเบี้ยปีที่ 2-8 แนะนำพักไว้ในกองทุน K-SF-A) จะได้เงินคืนปีละ 12,000 บาท ตั้งแต่อายุ 61 ปี (สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1) ทุกปี ไปจนถึงอายุ 79 ปี และเมื่ออายุครบ 80 ปี ได้รับเงินก้อนครบสัญญา 983,336 บาท (101% ของเบี้ยสะสม > 800% ของทุนประกันเริ่มต้น) รวมตลอดสัญญาได้รับเงิน 1,211,336 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเบี้ยประกันรวมที่จ่ายไป 237,736 บาท
  4. กองทุน Term Fund: เป็นกองทุนที่มีอายุกองทุนชัดเจน เช่น ประมาณ 6 เดือน หรือ 1 ปี และมีการแจ้งประมาณการผลตอบแทนให้ทราบตั้งแต่ก่อนเริ่มลงทุน ซึ่งมักสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากใกล้เคียงกัน เช่น เงินฝากประจำ 6 เดือน ปัจจุบันได้รับดอกเบี้ย 1.05-1.10%ต่อปี (ประกาศดอกเบี้ยเริ่มใช้ 23 พ.ย. 67) หลังหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 0.89-0.94%ต่อปี ในขณะที่กองทุน Term Fund อายุ 6 เดือน ที่ผ่านมา เช่น
    • K-GB6MBT ที่ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท มีประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.75% ต่อปี (เสนอขายช่วง 2-7 ม.ค. 68)
    • KFF6MDB-BR ที่ลงทุนตราสารหนี้และเงินฝากต่างประเทศ ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท มีประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.00% ต่อปี (เสนอขายช่วง 22-29 พ.ย. 67)
  5. กองทุน K-FIXEDPLUS-A: เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ไทยทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยเมื่อขายคืนจะได้รับเงิน 2 วันทำการ ถัดจากวันที่ทำรายการขายคืน โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 2 ม.ค. 68 อยู่ที่ 3.60% ต่อปี*
  6. จัดสรรเงิน ไว้เป็นหลักประกันให้ครอบครัว

    นอกจากการนำเงินไปต่อยอดให้กับตนเองแล้ว การนำไปสร้างหลักประกันให้กับคนในครอบครัว ในวันที่เราจากไปก็เป็นสิ่งที่หลายครอบครัวอาจต้องการ ซึ่งประกันชีวิตแบบคุ้มครองตลอดชีพสามารถแปลงเงินหลักหมื่นให้กลายเป็นความคุ้มครองชีวิตหลักแสนได้


    ตัวอย่างเช่น มีเงินครบจากกองทุน LTF จำนวน 150,000 บาท สำหรับผู้ชายอายุ 60 ปี หากนำไปทยอยเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/5 ปีละ 30,000 บาท (โดยค่าเบี้ยปีที่ 2-5 แนะนำพักไว้ในกองทุน K-SF-A) จะสามารถสร้างความคุ้มครองชีวิตได้ประมาณ 190,000 บาท นับตั้งแต่วันที่กรมธรรม์อนุมัติ หรือแม้ไม่ได้เสียชีวิต เบี้ยประกันที่จ่ายไปก็ถูกสะสมไว้ในรูปแบบของมูลค่าเงินเวนคืน หรือเมื่อครบสัญญาตอนอายุ 99 ปี ก็จะได้รับเงินก้อนเท่ากับทุนประกันเริ่มต้น หรือกรณีนี้คือประมาณ 190,000 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเบี้ยประกันรวมที่จ่ายไปประมาณ 40,000 บาท


    เงินครบจากกองทุน LTF เป็นเงินเก็บที่สะสมมานานกว่า 5-7 ปี หากจะนำไปใช้จ่ายหรือต่อยอดเรื่องใด ควรพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด หรือหากยังไม่รีบร้อนต้องใช้เงิน ก็ยังคงสามารถถือลงทุนต่อหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพื่อให้เงินได้งอกเงยต่อเนื่อง ไม่หยุดเติบโตหรือใช้จ่ายหมดภายในไม่กี่วัน หลังจากที่ได้ลงทุนมานานกว่า 5-7 ปี


    * สามารถดูผลการดำเนินงานย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่ www.kasikornasset.com


หมายเหตุ:

  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-VIETNAM K-USA-A(A) K-HIT-A(A) K-WPULTIMATE: ความเสี่ยงระดับ 6
    • K-WPBALANCED: ความเสี่ยงระดับ 5
    • K-FIXEDPLUS-A K-SF-A: ความเสี่ยงระดับ 4
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-VIETNAM K-WPULTIMATE K-WPBALANCED: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-USA-A(A) K-HIT-A(A): ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
    • K-FIXEDPLUS-A ป้องกันความเสี่ยง ≥ 90%: ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-SF-A ป้องกันความเสี่ยง 100%: ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+5 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 5 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+5) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-WPULTIMATE K-WPBALANCED: T+6
    • K-VIETNAM: T+5
    • K-USA-A(A) K-HIT-A(A): T+4
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-SF-A: T+1

คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHราชันย์ ตันติจินดา CFP®

Back to top