-
ตลาดหุ้นเอเชียร่วงยกแผงหลังจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข็งแกร่งเกินคาด โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 154,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ 4.1% จาก 4.2% ในเดือน พ.ย. กดดันทำให้ตลาดลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
-
K WEALTH ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย โดยแนะนำให้คงสัดส่วนการลงทุนในเอเชียไม่เกิน 30% และพิจารณาลงทุนในประเทศหรือกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูงอย่างเช่น เวียดนาม, กลุ่มธุรกิจสุขภาพ หรือโครงสร้างพื้นฐาน
หุ้นเอเชียร่วง หลังการจ้างงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง
ในช่วงวันที่ 10 – 13 ม.ค. 2568 หุ้นและพันธบัตรเอเชียปรับตัวลง หลังจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 154,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ 4.1% จาก 4.2% ในเดือน พ.ย.
ทั้งนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้ตลาดลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และกดดันฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นเอเชีย
แม้ว่า Fed จะได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้ว 1% ในปี 2567 แต่ก็ได้ส่งสัญญาณถึงการลดดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดไว้ในปี 2568 ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง
ข้อมูลสำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้
ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อ PPI ประจำเดือน ธ.ค. ในวันอังคาร รายงาน CPI ในวันพุธ ยอดค้าปลีก ในวันพฤหัสบดี และ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ในวันศุกร์
กองทุนที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2568 กองทุน Schroder ISF Emerging Asia C Acc USD และ Schroder ISF Glb Em Mkt Opps A Acc USD ปรับตัวลดลง 5.38% และ 5.48% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า โดยสาเหตุเกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เนื่องจากกองทุน K-ASIACV-A(A) และ K-GEMO มีนโยบายการลงทุนในกองทุนเหล่านี้เป็นกองทุนหลัก จึงอาจส่งผลให้ราคา NAV ปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน
มุมมองการลงทุน
K WEALTH ยังคงมีมุมมองที่เป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย โดยให้คำแนะนำดังนี้ นักลงทุนปัจจุบัน : ประเมินสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นเอเชีย หากมีสัดส่วนเกิน 30% ของพอร์ต อาจพิจารณาปรับลดความเสี่ยง
นักนักลงทุนใหม่ : อาจพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงไปยังกองทุนในประเทศหรือกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูงอย่างเช่น เวียดนาม, กลุ่มธุรกิจสุขภาพ หรือโครงสร้างพื้นฐาน
- ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
- สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
- หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
- กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
- กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
- หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
- กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
- กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg