-
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.50% เป็นไปตามคาดการณ์จากนักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดการเงิน นับเป็นการคงดอกเบี้ยครั้งแรกหลังปรับลดมา 3 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่การประชุมเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว
-
K WEALTH มองว่าการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ที่เป็นไปตามคาดการณ์จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะต่อตลาดการลงทุนทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก แต่ท่าทีต่อทิศทางนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้น (Hawkish) จากการประชุมครั้งก่อน อาจทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
Fed คงดอกเบี้ยตามคาด ยันไม่เร่งลดดอกเบี้ย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.50% เป็นไปตามคาดการณ์จากนักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดการเงิน นับเป็นการคงดอกเบี้ยครั้งแรกหลังปรับลดมา 3 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่การประชุมเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว
ในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกี่ยวกับมุมมองต่ออัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน โดยมีการปรับลดประโยคสำคัญซึ่งมีในแถลงการณ์เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อ “มีพัฒนาการเข้าสู่” เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของ Fed
นอกจากนี้ยังเสริมในแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า “อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำอย่างมีเสถียรภาพตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง” และ “เงินเฟ้อยังค่อนข้างสูง”
โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เผยในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่ายังไม่เร่งปรับทิศทางนโยบายการเงิน นอกจากนี้ยังเผยว่าไม่มีการติดต่อกับประธานาธิบดีทรัมป์ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีได้ออกมากดดันให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลจาก FedWatch ณ วันที่ 30 ม.ค. 68 ชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาส 78.0% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือน มี.ค. นี้
มุมมองการลงทุน
การประชุม Fed ครั้งนี้สะท้อนว่าตลาดแรงงานที่เป็นภาคส่วนสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงความแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลดีให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเติบโตได้ต่อไป ในทางกลับกันจะมีผลให้อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายต่อไป และกดดันให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
โดย K WEALTH มองว่าการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ที่เป็นไปตามคาดการณ์จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะต่อตลาดการลงทุนทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก แต่ท่าทีต่อทิศทางนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้น (Hawkish) จากการประชุมครั้งก่อน อาจทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
และสำหรับการลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ แนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนที่มีหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ การลดการกำกับดูแล ผ่านกองทุน K-USA* หรือ K-GINFRA* ซึ่งมีการกระจายสัดส่วนไปยังหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงหุ้นกลุ่ม Mid-Small Cap ซึ่งได้ประโยชน์จากทิศทางนโยบายการเมือง
คำแนะนำสำหรับกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ดังนี้
ผู้ที่ถือกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ แนะนำถือลงทุนต่อ ทยอยสะสมเพิ่ม
ผู้ที่ถือกองทุนที่ไม่มีสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ แนะนำทยอยสะสม
โดยมีคำแนะนำในกองทุนแนะนำ มีดังนี้
- ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-USA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมรับทุกโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจสหรัฐฯ
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
- สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
- หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
- กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
- กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
- หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
- กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน t
- กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg