-
กลยุทธ์ Core and Satellite แบ่งการลงทุนเป็นพอร์ตหลัก (Core) เน้นความมั่นคงระยะยาว และพอร์ตเสริม (Satellite) เพื่อจับจังหวะการลงทุนระยะสั้น ช่วยสมดุลระหว่างความมั่นคงและการเติบโต ลดความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนที่ยั่งยืน
-
พอร์ต Core เน้นลงทุนกองทุนผสมในกลุ่ม K WealthPLUS Series โดยนักลงทุนสามารถเลือกสัดส่วนหุ้นและตราสารหนี้ให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุน ส่วน Satellite เน้นลงทุนผ่านกองทุนผสม ตราสารหนี้ หุ้น และทองคำ ตามจังหวะตลาด
ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Core and Satellite
การลงทุนจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ Core และ Satellite เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดสรรพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยแบ่งการลงทุนออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ พอร์ตหลัก (Core Portfolio) และพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) ที่มุ่งเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะสั้น ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีบทบาทและเป้าหมายที่แตกต่างกัน
การจัดพอร์ตแบบ Core and Satellite ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนระยะยาวที่เน้นความมั่นคง และการตอบสนองต่อโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะสั้น นอกจากนี้ กลยุทธ์นี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุนและส่งเสริมโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น
แนะนำกองทุน สำหรับพอร์ตหลัก (Core Portfolio)
พอร์ตการลงทุนในส่วนของ Core จะเป็นพอร์ตการลงทุนหลักที่มีระยะเวลาลงทุน 3 – 5 ปี โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามสัดส่วนของหุ้นและตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของตนเอง ผ่านกองทุนผสมในกลุ่ม K-WealthPLUS Series
Multi Asset
|
นโยบายการลงทุน
|
มุมมองการลงทุน
| ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 27/1/2025)
|
K-WPBALANCED
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงได้ต่ำ ถึงปานกลาง
| เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ 70% และกระจายไปหุ้นราว 30% เพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทน
|
- เศรษฐกิจโลกปี 2025 ยังมีแนวโน้มเติบโตดี โดยภาคบริการเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและเศรษฐกิจเกิดใหม่
- ความผันผวนเพิ่มขึ้น จากนโยบายสงครามการค้าของทรัมป์ที่อาจรวดเร็วและรุนแรงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ยังไม่สะท้อนเต็มที่
- ตราสารหนี้ยังเป็นโอกาสลงทุนที่ดี ด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา และโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาหากดอกเบี้ยถูกปรับลด
- กองทุนผสมช่วยกระจายความเสี่ยง โดยการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก ช่วยคว้าโอกาสเติบโตพร้อมลดความผันผวนของพอร์ต
| 3M : -0.08%
6M : 1.10% 1Y : 5.40%
|
K-WPSPEEDUP
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงได้ ค่อนข้างสูง
| เน้นลงทุนในหุ้นราว 65% และกระจายความเสี่ยงไปตราสารหนี้ 35% เพื่อช่วยลดความผันผวน
| 3M : -1.02%
6M : -0.19% 1Y : 6.08%
|
K-WPULTIMATE
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงได้สูง
| เน้นการลงทุนในหุ้นราว 85% และกระจายความเสี่ยงไปตราสารหนี้ 15% เพื่อช่วยลดความผันผวน
| 3M : -1.78%
6M : -1.32% 1Y : 5.27%
|
แนะนำกองทุน Satellite สำหรับรับโอกาสเติบโตเพิ่มเติม
พอร์ตการลงทุน Satellite ช่วยเสริมโอกาสในการเติบโต โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภาวะตลาด ระยะเวลาการลงทุนโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3 – 6 เดือน ตัวอย่างกองทุนที่จัดอยู่ในพอร์ต Satellite ได้แก่
- กองทุนผสม (Multi Asset)
Multi Asset
|
นโยบายการลงทุน
| มุมมองการลงทุน
|
ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 30/12/2024)
|
K-GINCOME-A(A)
| ลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก โดยเน้นลงทุนในตราสารที่มีการจ่ายผลตอบแทนสูง ทั้งในรูปดอกเบี้ยหรือเงินปันผล
|
- เศรษฐกิจโลกปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตเหนือศักยภาพระยะยาว โดยภาคบริการยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและเศรษฐกิจเกิดใหม่
- ในปี 2025 คาดว่าเราจะเผชิญกับความผันผวนที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากนโยบายสงครามการค้าของทรัมป์ ที่อาจมีความรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา รวมทั้งผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ยังไม่สะท้อนผลอย่างเต็มที่ต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้
- การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าที่เคยมีมา พร้อมทั้งยังมีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
| 3M : -1.73%
6M : 0.56% 1Y : 4.14%
|
- กองทุนตราสารหนี้ (Fixed Income)
Fixed Income
| นโยบายการลงทุน
| มุมมองการลงทุน
|
ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 27/1/2025)
|
K-SF-A
| ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ/เอกชนคุณภาพดีสามารถลงทุนในประเทศได้ไม่เกิน 50% ของ NAV
|
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต ส่งผลให้กองทุน K-SF-A ที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังน่าสนใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการพักเงิน หรือรับโอกาสสร้างผลตอบแทนมากกว่า Term Fund อายุ 3 เดือน
- ทิศทางอัตราดอกเบี้ยทั้งตลาดโลกและไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้จะไม่ได้อัตราดอกเบี้ยลงเร็วอย่างที่คาด แต่การลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศได้รับอานิสงส์จากอัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ที่สูงกว่าในอดีต
- การลงทุนตราสารหนี้ยังรับผลดีจากโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ช่วยหนุนให้ราคาตราสารหนี้เพิ่มขึ้น
| 3M : 0.52%
6M : 1.21% 1Y : 2.21%
|
K-FIXED-A
| ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากในประเทศ
| 3M : 0.88%
6M : 1.89% 1Y : 3.24%
|
K-FIXEDPLUS-A
| ลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากทั้งในและต่างประเทศคุณภาพดี อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว
| 3M : 0.76%
6M : 1.80% 1Y : 3.26% |
- กองทุนหุ้น (Equity)
Equity
| นโยบายการลงทุน
|
มุมมองการลงทุน
|
ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 24/1/2025)
|
K-USA-A(A)
| ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทสหรัฐอเมริกาที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีรูปแบบธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวอย่างน้อย 80% ของทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งจะลงทุนในหุ้นสามัญเป็นหลัก
|
- Fed คงดอกเบี้ยตามคาด ที่ระดับ 4.25-4.50% เป็นครั้งแรกหลังปรับลดต่อเนื่อง 3 ครั้งตั้งแต่ ก.ย. 67 พร้อมส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อมีพัฒนาการเข้าใกล้เป้าหมาย 2% แต่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง โดย FedWatch ประเมินโอกาส 78% ที่ Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือน มี.ค. นี้
- K-USA เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่กระจุกตัวแค่กลุ่มเทคโนโลยี และได้รับอานิสงส์จากนโยบายลดภาษีและสนับสนุนธุรกิจของทรัมป์ ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ
| 3M : 6.14%
6M : 10.70% 1Y : 16.89%
|
K-VIETNAM
| เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม และบางส่วนลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม
|
- ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา รัฐบาลเดินหน้าผ่านกฎหมายสำคัญด้านอสังหาฯ การเงิน และการลงทุน เช่น การลดภาษี VAT ลง 2% และคาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับปรุงกลไกรัฐ ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากล่าช้าไปในช่วงที่การเมืองไม่แน่นอน
- เสถียรภาพทางการเมืองช่วยดึงดูดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ขณะเดียวกัน การผ่านกฎหมายสำคัญจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องในปี 2025
- ยอดปล่อยสินเชื่อเดือนพฤศจิกายนเติบโต 16.6% (YoY) และรวม 11 เดือนขยายตัว 11.9% ได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ การเร่งลงทุนของภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ส่งผลให้มีโอกาสแตะเป้าหมายการเติบโต 15% ในปีนี้
- มูลค่าตลาดหุ้นเวียดนามยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ขณะที่การผลิต ส่งออก และการบริโภคภายในยังเติบโต รวมถึง Credit Growth ขยายตัวต่อเนื่อง และเงินเฟ้าลดลง เอื้อต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้มุมมองยังเป็น Slightly Positive
| 3M : -0.01%
6M : -4.15% 1Y : 7.27%
|
K-HIT-A(A)
| ลงทุนในหุ้นกว่า 150-200 ตัวที่อยู่ใน Mega trend สำคัญทั่วโลกและมีการปรับเปลี่ยน Theme การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
|
- การลงทุนในธีมต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต 5-7 ธีม ซึ่งไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหุ้น แต่ยังสามารถคว้าผลตอบแทนจากการเติบโตของหลายภาคธุรกิจในอนาคต
- หุ้นในกลุ่ม Mega Trend เช่น เทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ ส่วนใหญ่ยังคงแสดงผลประกอบการที่ดี
| 3M : 2.57%
6M : 6.35% 1Y : 6.89%
|
K-GHEALTH
| ลงทุนผ่านกองทุน JPMorgan Global Healthcare เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มีศักยภาพทั่วโลก ประกอบด้วย หุ้นกลุ่ม Pharma, Healthcare Services, Biotech และ MedTech
|
- เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ทำให้หุ้นกลุ่ม Healthcare ยังมีความน่าสนใจในฐานะกลุ่ม Defensive ของพอร์ต
- กลุ่ม Healthcare เป็นกลุ่มที่ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่ากลุ่มอื่น
- กองทุนมีสัดส่วนหุ้น Biotechnology และ MedTech ที่ทำหน้าที่เป็นหุ้นเติบโตในพอร์ต ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสช่วงตลาดที่เอื้อต่อหุ้นเติบโต
| 3M : -4.22%
6M : -7.69% 1Y : -0.20%
|
- กองทุนทองคำ (Gold)
Gold
| นโยบายการลงทุน
| มุมมองการลงทุน
| ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 27/1/2025)
|
K-GOLD-A-(A)
| ลงทุนผ่าน SPDR Gold Trust ที่เน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงราคาทองคำแท่งในตลาดโลก
|
- Dot plot บ่งชี้ว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าคาดในปี 2025 กดดันราคาทองคำระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง นโยบายลดภาษี และการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลรีพับลิกัน อาจเร่งเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะยาว
- ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มการถือครองทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังกดดันบรรยากาศการลงทุน ทั้งสองปัจจัยหนุนราคาทองคำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
|
3M : 0.22% 6M : 12.92% 1Y : 30.23%
|
ตัวอย่างสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต Core and Satellite
K Wealth แนะนำสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต Core and Satellite โดยกำหนดให้สัดส่วนของ Core อยู่ที่ 70% และสัดส่วนของ Satellite อยู่ที่ 30%
ตารางนี้ช่วยให้เห็นโครงสร้างการลงทุนที่ชัดเจน โดย Core สามารถปรับสัดส่วนตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ส่วน Satellite จะช่วยเพิ่มโอกาสจากสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตตามภาวะตลาด
นักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับพอร์ตการลงทุนแนะนำที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงต่ำ กลาง และสูง ร่วมถึงการปรับเปลี่ยนกองทุนในพอร์ตการลงทุน ได้จากบทความของ K Wealth ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกและแนวทางการจัดพอร์ตที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน โดยสามารถดูบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่าง เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: KBank, KAsset