กลยุทธ์การจัดพอร์ตกองทุนแบบ Core and Satellite เป็นวิธีที่น่าสนใจในการจัดการพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและไม่พลาดโอกาสการลงทุน บทความนี้จะนำเสนอกองทุนที่แนะนำในกลยุทธ์ Core and Satellite อย่างละเอียด

อย่าลงทุนไปเรื่อย! จัดพอร์ตให้โตด้วย Core & Satellite

กลยุทธ์การจัดพอร์ตกองทุนแบบ Core and Satellite เป็นวิธีที่น่าสนใจในการจัดการพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและไม่พลาดโอกาสการลงทุน บทความนี้จะนำเสนอกองทุนที่แนะนำในกลยุทธ์ Core and Satellite อย่างละเอียด

  • กลยุทธ์ Core and Satellite แบ่งการลงทุนเป็นพอร์ตหลัก (Core) เน้นความมั่นคงระยะยาว และพอร์ตเสริม (Satellite) เพื่อจับจังหวะการลงทุนระยะสั้น ช่วยสมดุลระหว่างความมั่นคงและการเติบโต ลดความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนที่ยั่งยืน
  • พอร์ต Core เน้นลงทุนกองทุนผสมในกลุ่ม K WealthPLUS Series โดยนักลงทุนสามารถเลือกสัดส่วนหุ้นและตราสารหนี้ให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุน ส่วน Satellite เน้นลงทุนผ่านกองทุนผสม ตราสารหนี้ หุ้น และทองคำ ตามจังหวะตลาด

ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Core and Satellite

การลงทุนจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ Core และ Satellite เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดสรรพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยแบ่งการลงทุนออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ พอร์ตหลัก (Core Portfolio) และพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) ที่มุ่งเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะสั้น ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีบทบาทและเป้าหมายที่แตกต่างกัน


การจัดพอร์ตแบบ Core and Satellite ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนระยะยาวที่เน้นความมั่นคง และการตอบสนองต่อโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะสั้น นอกจากนี้ กลยุทธ์นี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุนและส่งเสริมโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น


แนะนำกองทุน สำหรับพอร์ตหลัก (Core Portfolio)

พอร์ตการลงทุนในส่วนของ Core จะเป็นพอร์ตการลงทุนหลักที่มีระยะเวลาลงทุน 3 – 5 ปี โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามสัดส่วนของหุ้นและตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของตนเอง ผ่านกองทุนผสมในกลุ่ม K-WealthPLUS Series


Multi Asset
นโยบายการลงทุน
มุมมองการลงทุน
ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 27/1/2025)
K-WPBALANCED
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงได้ต่ำ
ถึงปานกลาง



เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ 70% และกระจายไปหุ้นราว 30% เพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทน
  • เศรษฐกิจโลกปี 2025 ยังมีแนวโน้มเติบโตดี โดยภาคบริการเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและเศรษฐกิจเกิดใหม่
  • ความผันผวนเพิ่มขึ้น จากนโยบายสงครามการค้าของทรัมป์ที่อาจรวดเร็วและรุนแรงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ยังไม่สะท้อนเต็มที่
  • ตราสารหนี้ยังเป็นโอกาสลงทุนที่ดี ด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา และโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาหากดอกเบี้ยถูกปรับลด
  • กองทุนผสมช่วยกระจายความเสี่ยง โดยการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก ช่วยคว้าโอกาสเติบโตพร้อมลดความผันผวนของพอร์ต
3M : -0.08%
6M : 1.10%
1Y : 5.40%



K-WPSPEEDUP
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงได้
ค่อนข้างสูง



เน้นลงทุนในหุ้นราว 65% และกระจายความเสี่ยงไปตราสารหนี้ 35% เพื่อช่วยลดความผันผวน
3M : -1.02%
6M : -0.19%
1Y : 6.08%



K-WPULTIMATE
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงได้สูง



เน้นการลงทุนในหุ้นราว 85% และกระจายความเสี่ยงไปตราสารหนี้ 15% เพื่อช่วยลดความผันผวน
3M : -1.78%
6M : -1.32%
1Y : 5.27%

แนะนำกองทุน Satellite สำหรับรับโอกาสเติบโตเพิ่มเติม

พอร์ตการลงทุน Satellite ช่วยเสริมโอกาสในการเติบโต โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภาวะตลาด ระยะเวลาการลงทุนโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3 – 6 เดือน ตัวอย่างกองทุนที่จัดอยู่ในพอร์ต Satellite ได้แก่


  1. กองทุนผสม (Multi Asset)
  2. Multi Asset
    นโยบายการลงทุน
    มุมมองการลงทุน
    ผลตอบแทนจากการถือครอง
    (ณ วันที่ 30/12/2024)
    K-GINCOME-A(A)
    ลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก โดยเน้นลงทุนในตราสารที่มีการจ่ายผลตอบแทนสูง ทั้งในรูปดอกเบี้ยหรือเงินปันผล
    • เศรษฐกิจโลกปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตเหนือศักยภาพระยะยาว โดยภาคบริการยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและเศรษฐกิจเกิดใหม่
    • ในปี 2025 คาดว่าเราจะเผชิญกับความผันผวนที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากนโยบายสงครามการค้าของทรัมป์ ที่อาจมีความรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา รวมทั้งผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ยังไม่สะท้อนผลอย่างเต็มที่ต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้
    • การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าที่เคยมีมา พร้อมทั้งยังมีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

    3M : -1.73%
    6M : 0.56%
    1Y : 4.14%

  3. กองทุนตราสารหนี้ (Fixed Income)
  4. Fixed Income
    นโยบายการลงทุน
    มุมมองการลงทุน
    ผลตอบแทนจากการถือครอง
    (ณ วันที่ 27/1/2025)
    K-SF-A
    ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ/เอกชนคุณภาพดีสามารถลงทุนในประเทศได้ไม่เกิน 50% ของ NAV
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต ส่งผลให้กองทุน K-SF-A ที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังน่าสนใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการพักเงิน หรือรับโอกาสสร้างผลตอบแทนมากกว่า Term Fund อายุ 3 เดือน
    • ทิศทางอัตราดอกเบี้ยทั้งตลาดโลกและไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้จะไม่ได้อัตราดอกเบี้ยลงเร็วอย่างที่คาด แต่การลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศได้รับอานิสงส์จากอัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ที่สูงกว่าในอดีต
    • การลงทุนตราสารหนี้ยังรับผลดีจากโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ช่วยหนุนให้ราคาตราสารหนี้เพิ่มขึ้น


    3M : 0.52%
    6M : 1.21%
    1Y : 2.21%
    K-FIXED-A
    ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากในประเทศ
    3M : 0.88%
    6M : 1.89%
    1Y : 3.24%
    K-FIXEDPLUS-A
    ลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากทั้งในและต่างประเทศคุณภาพดี อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว
    3M : 0.76%
    6M : 1.80%
    1Y : 3.26%
  5. กองทุนหุ้น (Equity)
  6. Equity
    นโยบายการลงทุน
    มุมมองการลงทุน
    ผลตอบแทนจากการถือครอง
    (ณ วันที่ 24/1/2025)
    K-USA-A(A)
    ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทสหรัฐอเมริกาที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีรูปแบบธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวอย่างน้อย 80% ของทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งจะลงทุนในหุ้นสามัญเป็นหลัก
    • Fed คงดอกเบี้ยตามคาด ที่ระดับ 4.25-4.50% เป็นครั้งแรกหลังปรับลดต่อเนื่อง 3 ครั้งตั้งแต่ ก.ย. 67 พร้อมส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อมีพัฒนาการเข้าใกล้เป้าหมาย 2% แต่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง โดย FedWatch ประเมินโอกาส 78% ที่ Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือน มี.ค. นี้
    • K-USA เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่กระจุกตัวแค่กลุ่มเทคโนโลยี และได้รับอานิสงส์จากนโยบายลดภาษีและสนับสนุนธุรกิจของทรัมป์ ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ



    3M : 6.14%
    6M : 10.70%
    1Y : 16.89%

    K-VIETNAM
    เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม และบางส่วนลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม
    • ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา รัฐบาลเดินหน้าผ่านกฎหมายสำคัญด้านอสังหาฯ การเงิน และการลงทุน เช่น การลดภาษี VAT ลง 2% และคาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับปรุงกลไกรัฐ ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากล่าช้าไปในช่วงที่การเมืองไม่แน่นอน
    • เสถียรภาพทางการเมืองช่วยดึงดูดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ขณะเดียวกัน การผ่านกฎหมายสำคัญจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องในปี 2025
    • ยอดปล่อยสินเชื่อเดือนพฤศจิกายนเติบโต 16.6% (YoY) และรวม 11 เดือนขยายตัว 11.9% ได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ การเร่งลงทุนของภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ส่งผลให้มีโอกาสแตะเป้าหมายการเติบโต 15% ในปีนี้
    • มูลค่าตลาดหุ้นเวียดนามยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ขณะที่การผลิต ส่งออก และการบริโภคภายในยังเติบโต รวมถึง Credit Growth ขยายตัวต่อเนื่อง และเงินเฟ้าลดลง เอื้อต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้มุมมองยังเป็น Slightly Positive

    3M : -0.01%
    6M : -4.15%
    1Y : 7.27%
    K-HIT-A(A)
    ลงทุนในหุ้นกว่า 150-200 ตัวที่อยู่ใน Mega trend สำคัญทั่วโลกและมีการปรับเปลี่ยน Theme การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
    • การลงทุนในธีมต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต 5-7 ธีม ซึ่งไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหุ้น แต่ยังสามารถคว้าผลตอบแทนจากการเติบโตของหลายภาคธุรกิจในอนาคต
    • หุ้นในกลุ่ม Mega Trend เช่น เทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ ส่วนใหญ่ยังคงแสดงผลประกอบการที่ดี

    3M : 2.57%
    6M : 6.35%
    1Y : 6.89%

    K-GHEALTH
    ลงทุนผ่านกองทุน JPMorgan Global Healthcare เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มีศักยภาพทั่วโลก ประกอบด้วย หุ้นกลุ่ม Pharma, Healthcare Services, Biotech และ MedTech
    • เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ทำให้หุ้นกลุ่ม Healthcare ยังมีความน่าสนใจในฐานะกลุ่ม Defensive ของพอร์ต
    • กลุ่ม Healthcare เป็นกลุ่มที่ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่ากลุ่มอื่น
    • กองทุนมีสัดส่วนหุ้น Biotechnology และ MedTech ที่ทำหน้าที่เป็นหุ้นเติบโตในพอร์ต ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสช่วงตลาดที่เอื้อต่อหุ้นเติบโต

    3M : -4.22%
    6M : -7.69%
    1Y : -0.20%

  7. กองทุนทองคำ (Gold)
Gold
นโยบายการลงทุน
มุมมองการลงทุน
ผลตอบแทนจากการถือครอง
(ณ วันที่ 27/1/2025)
K-GOLD-A-(A)
ลงทุนผ่าน SPDR Gold Trust ที่เน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงราคาทองคำแท่งในตลาดโลก
  • Dot plot บ่งชี้ว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าคาดในปี 2025 กดดันราคาทองคำระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง นโยบายลดภาษี และการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลรีพับลิกัน อาจเร่งเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะยาว
  • ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มการถือครองทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังกดดันบรรยากาศการลงทุน ทั้งสองปัจจัยหนุนราคาทองคำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

3M : 0.22%
6M : 12.92%
1Y : 30.23%



ตัวอย่างสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต Core and Satellite

K Wealth แนะนำสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต Core and Satellite โดยกำหนดให้สัดส่วนของ Core อยู่ที่ 70% และสัดส่วนของ Satellite อยู่ที่ 30%



ตารางนี้ช่วยให้เห็นโครงสร้างการลงทุนที่ชัดเจน โดย Core สามารถปรับสัดส่วนตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ส่วน Satellite จะช่วยเพิ่มโอกาสจากสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตตามภาวะตลาด


นักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับพอร์ตการลงทุนแนะนำที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงต่ำ กลาง และสูง ร่วมถึงการปรับเปลี่ยนกองทุนในพอร์ตการลงทุน ได้จากบทความของ K Wealth ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกและแนวทางการจัดพอร์ตที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน โดยสามารถดูบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่าง เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: KBank, KAsset


คำเตือน


ผู้เขียน

KWEALTHอรรถกิจ พิมพ์ศรี

Back to top