Hedge Fund คืออะไร? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความหมายและความสำคัญของ Hedge Fund พร้อมอธิบายกลยุทธ์การลงทุนยอดนิยม ข้อดี ความเสี่ยง และโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย

Hedge Fund คืออะไร ทำความเข้าใจ อีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนไทย

Hedge Fund คืออะไร? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความหมายและความสำคัญของ Hedge Fund พร้อมอธิบายกลยุทธ์การลงทุนยอดนิยม ข้อดี ความเสี่ยง และโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย

  • Hedge Fund เป็นกองทุนที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้กลยุทธ์การลงทุนหลากหลาย เช่น Long/Short, Global Macro และสามารถสร้างกำไรได้แม้ในภาวะตลาดขาลง
  • ตัวอย่างความสำเร็จที่น่าสนใจ เช่น ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เริ่มต้นจาก Hedge Fund ก่อนต่อยอดสู่ธุรกิจ AI และ Quantum Fund ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 40 ปี
  • นักลงทุนรายใหญ่พิเศษสามารถเข้าถึง Hedge Fund ได้ผ่านกองทุน Fund of Hedge Funds หรือกองทุน UI ส่วนนักลงทุนทั่วไปสามารถกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ด้วยการลงทุนในหลายสินทรัพย์ผ่านกองทุนผสมในกลุ่ม K-WealthPLUS Series

หากพูดถึง "Hedge Fund" เชื่อว่านักลงทุนน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้าง แต่อาจยังไม่เข้าใจว่า Hedge Fund คืออะไร ช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้อย่างไร K WEALTH จึงได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Hedge Fund เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับกองทุนนี้กันมากยิ่งขึ้น


Hedge Fund คืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ

Hedge Fund คือ กองทุนที่มีความยืดหยุ่นสูงในการบริหารจัดการ สามารถใช้กลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไป คือ


  • สามารถลงทุนได้หลายสินทรัพย์ เช่น หลักทรัพย์ชนิดต่างๆ ตราสารอนุพันธ์ ตราสารทางการเงิน และใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อน เช่น Long/Short Equity, Global Macro
  • สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินขั้นสูง เช่น การขายชอร์ต (Short Selling)
  • มีอิสระในการปรับพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ตลาด

จุดกำเนิดและวิวัฒนาการของ Hedge Fund

Hedge Fund ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1949 โดยอัลเฟรด วินสโลว์ โจนส์ ผู้ริเริ่มกลยุทธ์ Long/Short Equity ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1970-1990 นักลงทุนระดับตำนานอย่าง จอร์จ โซรอส และ เรย์ ดาลิโอ ได้พัฒนากลยุทธ์การลงทุนใหม่ๆ จนทำให้ Hedge Fund กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง


กลยุทธ์การลงทุนของ Hedge Fund ที่นักลงทุนควรรู้จัก

Hedge Fund มีความโดดเด่นด้วยการใช้กลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและซับซ้อน ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิม โดยกลยุทธ์หลักที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบที่น่าสนใจ


กลยุทธ์แรกที่สำคัญคือ Long/Short Equity ซึ่งเป็นการลงทุนแบบผสมผสานระหว่างการซื้อหุ้นที่คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นและขายชอร์ตหุ้นที่คาดว่าราคาจะลดลง วิธีนี้ช่วยให้กองทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตการลงทุนสูง


กลยุทธ์ที่สองที่ได้รับความนิยมคือ Global Macro ซึ่งมุ่งเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการเงิน และการเมืองระดับโลก เพื่อหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ หุ้น สกุลเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ กลยุทธ์นี้มักใช้โดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูงและมีความเข้าใจในตลาดการเงินโลกอย่างลึกซึ้ง


อีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ Hedge Fund นิยมใช้คือ การใช้เลเวอเรจ (Leverage) ซึ่งเป็นการเพิ่มขนาดการลงทุนโดยการกู้ยืมหรือใช้ตราสารอนุพันธ์ วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น การใช้เลเวอเรจจึงต้องอยู่ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม


ข้อดีของการลงทุนใน Hedge Fund

การลงทุนใน Hedge Fund มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน


ประการแรกคือ ความสามารถในการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Hedge Fund สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและมีความสัมพันธ์กับตลาดทั่วไปต่ำ จึงช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้ดี


ประการที่สองคือ Hedge Fund มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ตามสภาวะตลาด และสามารถใช้เครื่องมือทางการเงินขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่สูงขึ้นมักมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน


ความเสี่ยงและข้อควรระวังของการลงทุนใน Hedge Fund

การลงทุนใน Hedge Fund มีข้อจำกัดสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ


ประการแรกคือ เงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างสูง โดยทั่วไปต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำหลายล้านบาท และอาจมีข้อจำกัดในการไถ่ถอนหน่วยลงทุน เช่น กำหนดระยะเวลาถือครองขั้นต่ำ หรือกำหนดช่วงเวลาที่สามารถไถ่ถอนได้


ประการที่สองคือ ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ เนื่องจาก Hedge Fund มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดน้อยกว่ากองทุนรวมทั่วไปจึงอาจมีความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล นักลงทุนจึงควรศึกษาและติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด รวมถึงเลือกลงทุนกับผู้จัดการกองทุนที่มีความน่าเชื่อถือและมีประวัติการดำเนินงานที่ดี


มุมมองและบทเรียนจากทั่วโลก

ประวัติศาสตร์ของ Hedge Fund มีตัวอย่างความสำเร็จมากมาย และหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจในปัจจุบันคือเส้นทางของหวง เชาหยวน (Huang Chaoyan) ผู้ก่อตั้ง DeepSeek ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นผู้จัดการ Hedge Fund ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน จนต่อยอดมาสู่การพัฒนา DeepSeek หนึ่งในบริษัท AI ที่น่าจับตามองในปัจจุบัน เส้นทางของหวงแสดงให้เห็นว่าประสบการณ์จากการบริหาร Hedge Fund สามารถนำไปต่อยอดสู่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำได้


นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างความสำเร็จระดับตำนานอย่าง Quantum Fund ของจอร์จ โซรอส ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 40 ปี โดยมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเก็งกำไรค่าเงินปอนด์ในปี 1992 และ Bridgewater Associates ของเรย์ ดาลิโอ ซึ่งกองทุน Pure Alpha สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 12% ต่อปี


การลงทุนใน Hedge Fund สำหรับนักลงทุนไทย

ปัจจุบันนักลงทุนไทยสามารถเข้าถึง Hedge Fund ได้จากช่องทาง


  1. Fund of Hedge Funds (FoHF)
    • ลงทุนผ่านกองทุนที่กระจายการลงทุนไปยัง Hedge Fund หลายกองทุน
    • ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในกองทุนเดียว
  2. กองทุน UI (Ultra Accredited Investor Mutual Fund)
    • กองทุนสำหรับผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษที่มีสินทรัพย์สุทธิสูง เช่น รายได้ปีละ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ 8 ล้านบาทขึ้นไป ฯลฯ และมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการลงทุน เช่น ลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง หรือทำงานด้านการเงินการลงทุน ฯลฯ
    • กองทุนสามารถลงทุนในตราสารหรือธุรกรรมทางการเงินได้ทุกประเภท และมีความยืดหยุ่นในการลงทุนมากกว่ากองทุนรวมทั่วไป

คำแนะนำการลงทุนจาก K WEALTH

K WEALTH มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนใน Hedge Fund โดยควรเริ่มจากการประเมินความเหมาะสมด้านเงินลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พร้อมทั้งศึกษากลยุทธ์การลงทุนและผลการดำเนินงานในอดีตอย่างละเอียด นอกจากนี้ ควรพิจารณาค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการลงทุนให้ครบถ้วน


สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่มีเงินลงทุนไม่สูง แต่ต้องการกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวมด้วยการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ขอแนะนำกองทุนผสมในกลุ่ม K-WealthPLUS Series ที่เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินไม่ต้องมาก เช่น 500 บาท และไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ลงทุนหรือทำงานด้านการเงินการลงทุนมาก่อน ก็ลงทุนได้ ได้แก่


  • กองทุน K-WPBALANCED* ลงทุนในหุ้น 15-45% และลงทุนในตราสารหนี้ 55-85%t
  • กองทุน K-WPSPEEDUP* ลงทุนในหุ้น 50-80% และลงทุนในตราสารหนี้ 20-50%
  • กองทุน K-WPULTIMATE* ลงทุนในหุ้น 70-100% และลงทุนในตราสารหนี้ 0-30%

การทำความเข้าใจเรื่อง Hedge Fund ทำให้นักลงทุนเห็นรูปแบบการลงทุนอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไป ทั้งสินทรัพย์ที่ลงทุน และกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการลงทุนของตัวเองเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : - บลจ.กสิกรไทย, สมาคมบริษัทจัดการลงทุน


คำเตือน

กองทุน K-WPBALANCED และ K-WPSPEEDUP มีระดับความเสี่ยงที่ 5 (จากสูงสุด 8 ระดับ) ส่วนกองทุน K-WPULTIMATE มีระดับความเสี่ยงที่ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ)

กองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

กองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ หากต้องการขายคืนหน่วยลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืน T+6 วันทำการ เช่น ขายคืนวันจันทร์ ได้รับเงินวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top