-
กองทุนหุ้นโลกเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีในการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อสร้างพอร์ตให้เติบโตในระยะยาว สำหรับนักลงทุนบางคนกองทุนหุ้นโลกยังถูกใช้เป็น Core Equity Portfolio อีกด้วย โดยปัจจุบันกองทุนหุ้นโลกมีมากมายหลายประเภท แต่แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ Passive Fund และ Active Fund แต่จะเลือกลงทุนอย่างไรให้เหมาะกับเรา ในบทความนี้คำตอบ
ลงทุนในกองทุนหุ้นโลกดีอย่างไร ?
- ทางเลือกหนึ่งในการสร้าง Core Equity Portfolio: Core Portfolio หรือ พอร์ตการลงทุนส่วนหลัก ซึ่งเป็นส่วนที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว มักเป็นการผสมผสานระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ นักลงทุนสามารถใช้กองทุนหุ้นโลกเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพอร์ตหลักในส่วนของหุ้น (Core Equity Portfolio)เพื่อให้เงินลงทุนเติบโตในระยะยาวได้
- ช่วยกระจายความเสี่ยง: กองทุนหุ้นโลกมีการกระจายการลงทุนไปยังหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม จึงช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนกระจุกตัว โดยเฉพาะในยามที่เกิดวิกฤตกับประเทศหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ
- โอกาสลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เติบโตไปพร้อมกับหุ้นโลก: จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี ดัชนีหุ้นโลกอย่าง MSCI World ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 9.77% ต่อปี ขณะที่ SET Index มีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีเพียง 2.46 % ต่อปีอีก
ทั้งในบางช่วง เช่นปีนี้ที่ตลาดหุ้นไทยซบเซา การลงทุนในหุ้นต่างประเทศจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้พอร์ตของเราเติบโตและงอกเงยได้ในระยะยาว
กองทุนหุ้นโลกมีกี่แบบ
กองทุนหุ้นโลก แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือกองทุน Passive Fund และ กองทุน Active Fund
- กองทุน Passive Fund เน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในกรณีของกองทุนหุ้นโลก ส่วนใหญ่จะลงทุนอิงกับดัชนี MSCI World หรือ MSCI ACWI
- กองทุน Active Fund เน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด (Benchmark) จะมีให้เลือกหลากหลายนโยบาย ทั้งแบบที่เน้นหุ้น Growth, Defensive หรือแบบผสมผสาน
5 เคล็ดลับเลือกกองทุนหุ้นโลกอย่างไรให้ปัง !
การเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นโลก หรือกองทุนอื่นๆ นั้นมีหลักการที่คล้ายคลึงกัน และสามารถพิจารณาได้หลายปัจจัย ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างเคล็ดลับ 5 ข้อเพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาในเบื้องต้น
- พิจารณานโยบายการลงทุน ว่ากองทุนหุ้นโลกที่จะไปลงทุนเป็นกองทุนประเภท Passive Fund หรือ Active Fund มีนโยบายและปรัชญาในการลงทุนเป็นอย่างไร รวมถึงกระบวนการในการคัดเลือกหุ้น และความถี่ในการปรับเปลี่ยนหุ้นในกองทุน
- พิจารณาสัดส่วนการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ภูมิภาค/ประเทศ อุตสาหกรรม หรือขนาดหุ้นที่กองทุนลงทุน ว่ากองทุนเน้นลงทุนในอะไร เพื่อให้เห็นถึงสไตล์การลงทุนของกองทุนนั้นๆ
- กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ หากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน หมายความว่านักลงทุนจะต้องรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไปตลอดช่วงของการลงทุนนั่นเอง
- แนวโน้มการลงทุน/เทรนด์ในระยะข้างหน้า นอกจากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนฝีมือของผู้จัดการกองทุนแล้ว นักลงทุนควรพิจารณาแนวโน้มการลงทุนในระยะข้างหน้าด้วย โดยเฉพาะหากเป็นนักลงทุนสาย Active และชื่นชอบการ Trading เพื่อประโยชน์สูงสุด นักลงทุนควรพิจารณาแนวโน้มการเติบโตของหุ้นและอุตสาหกรรมในระยะสั้น-กลางประกอบด้วย แต่หากเป็นสายลงทุนยาวๆ เพียงเลือกลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน Megatrend ของโลกเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวก็เพียงพอ
- เราเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน หากไม่ชอบความหวือหวา เลือกกองทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่ม Defensive หากเป็นสายซิ่ง เลือกลงทุนที่เน้นกลุ่ม Growth หรือเป็นนักลงทุนสายกลาง สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่กระจายการลงทุนทั้ง Growth และ Defensive
โอกาสลงทุนในหุ้นโลกมาถึงแล้ว
- คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนหุ้นโลกเติบโตกว่า 8-12% ในปีนี้ แม้ว่าปี 2024 ตลาดหุ้นโดยรวมจะทำได้ดีมากก็ตาม นักวิเคราะห์ก็ยังคาดว่าในปี 2025 ตลาดหุ้นจะยังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ตามการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียน แม้ตลาดจะเผชิญกับปัจจัยที่ทำให้มีความผันผวนเพิมขึ้นก็ตาม โดย Bloomberg คาด EPS Growth (อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น) ของดัชนี MSCI World เติบโต 8.7% ในปี 2025 และ 11.1% ในปี 2026 ขณะที่คาดการณ์ EPS Growth ของ ดัชนี MSCI ACWI เติบโต 9.4% ปีนี้ และ 11.5% ปีหน้า (ข้อมูล ณ 11 ก.พ. 2025)
- จากสถิติพบว่าตลาดหุ้นยังไปต่อแม้ Fed ไม่ลดดอกเบี้ยก็ตาม แม้ว่านับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง จะทำให้เกิดความกังวลว่านโยบายของปธน.ทรัมป์จะทำให้เงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวและอาจทำให้ Fed ต้องชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป แต่ในภาพรวมภาวะการเงินยังผ่อนคลายเมื่อเทียบกับในอดีต อย่างไรก็ตามในกรณีที่ Fed ส่งสัญญาณยุติการลดอัตราดอกเบี้ย ในอดีตพบว่าหลัง Fed ยุติการลดอัตราดอกเบี้ย ตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกและจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตลอดช่วง 12 เดือนตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (ยกเว้นปี 2019 ซึ่งเกิดการระบาดของ COVID)
- เศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและยังแข็งแกร่งในปีนี้ ล่าสุดในเดือน IMF ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เป็น 3.3% จาก 3.2% ในประมาณการครั้งก่อนหน้า นำโดยเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากการปรับลดภาษีนิติบุคคล (Corporate Tax) และการผ่อนคลายกฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจต่างๆ ลง โดยเฉพาะในฝั่งสถาบันการเงิน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังโดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนที่จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง
กองทุนหุ้นโลก 2 สไตล์ K-WORLDX vs. K-GSELECT กองไหนที่ใช่
K-WORLDX
- เป็นกองทุนหุ้นโลกประเภท Passive Fund เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares MSCI ACWI ETF (กองทุนหลัก) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ล้อกับดัชนี MSCI ACWI
- ค่าธรรมเนียมถูกกว่า
- กระจายการลงทุนในหุ้นมากกว่า 2,000 ตัว ดังนั้นเหมาะกับนักลงทุนที่อยากลงทุนตามดัชนีแต่ไม่มีเงินทุนมากนัก
K-GSELECT
- เป็นกองทุนหุ้นโลกประเภท Active Fund โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก JPM Global Select Equity ETF โดยมีเป้าหมยมสร้างผลตอบแทนให้เหนือดัชนี MSCI ACWI
- มีการคัดเลือกที่โดดเด่นในแต่ละช่วงเวลา ทั้ง Growth และ Value รองรับทุกสภาวะตลาดดังนั้นนักลงทุนไม่จำเป็นต้องจับจังหวะการลงทุนเอง สามารถถือไปได้ยาวๆ
- ลงทุนในหุ้นที่ดีที่สุด 70-100 ตัว คัดกรองหุ้นที่ลงทุนโดยอิงจากปัจจัยพื้นฐาน โดยทีมนักวิเคราะห์กว่า 80 คนจากบริษัทระดับโลกอย่าง JPMorgan Asset Management ครอบคลุมหุ้นทั่วโลกกว่า 2,500 ตัว เหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่ชนะตลาด

ที่มา KASSET , JP Morgan, Blackrock ณ 31 ธ.ค. 2024
เปรียบเทียบผลตอบแทนกองทุนหลักของ K-WORLDX และ K-GSELECT/K-GSELECTU-A(A)

ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2025 ,
*เนื่องจากกองทุนหลัก (JPMorgan Global Select Equity ETF) เพิ่งจัดตั้งเมื่อก.ย. 2566 จึงมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่สั้น จึงขออ้างถึงผลการดำเนินงานของกองทุน JPMorgan Investment Funds – Global Select Equity Fund (C Share Class) ซึ่งมีกลยุทธ์เหมือนกันทุกประการ ประการ โดยเป็นข้อมูล ตั้งแต่ 30 พ.ย. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ผู้จัดการกองทุน Helge Skibeli เข้าบริหารด้วยกลยุทธ์ Global Select จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568

*ผลตอบแทนตามตารางเป็นผลตอบแทนย้อนหลังสะสม ไม่ใช่ต่อปี
จากภาพกองทุน JP Morgan Global Select ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุน K-GSELECT มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นสามารถเอาชนะตลาดในระยะยาว ซึ่งถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของกลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นที่เป็นผู้นำตลาดในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ Growth หรือ Value จะเป็นผู้นำตลาด ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ต้องจับจังหวะตามสไตล์การลงทุน ขณะที่กองทุน iShares MSCIACWI ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-WORLDX มีผลตอบแทนที่ล้อกับดัชนี MSCI ACWI จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่อยากจะเลือกกองทุนสักกองที่เป็นตัวแทนของดัชนีหุ้นโลก ดังนั้นแนะนำให้นักลงทุนกำหนดเป้าหมายในการลงทุนและเลือกลงให้เหมาะกับสไตล์ของตนเอง