Global REITs: เครื่องมือกระจายความเสี่ยงระดับโลก พร้อมรับรายได้ค่าเช่าและเงินปันผลที่มั่นคง แนะนำกองทุนและเหตุผลที่น่าลงทุนตอนนี้

Global REITs ทางลัดลงทุนอสังหาฯ ทั่วโลกแบบง่ายๆ

Global REITs: เครื่องมือกระจายความเสี่ยงระดับโลก พร้อมรับรายได้ค่าเช่าและเงินปันผลที่มั่นคง แนะนำกองทุนและเหตุผลที่น่าลงทุนตอนนี้

  • • Global REITs เป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ให้ผู้ลงทุนเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ได้โดยไม่ต้องซื้อและบริหารจัดการเอง โดยการลงทุนใน Global REITs จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้ทั้งในเชิงภูมิภาคและประเภทธุรกิจอสังหาฯ และมีโอกาสรับรายได้จากค่าเช่าในรูปแบบของเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
  • อย่างไรก็ตามการลงทุนใน Global REITs อาจมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความผันผวนตามเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย และปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละประเทศ เช่น กฎหมายและนโยบายภาครัฐ
  • K WEALTH แนะนำให้แบ่งเงินเพื่อลงทุนใน REITs ประมาณ 10-20% ของพอร์ต และพิจารณาลงทุนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง และเน้นลงทุนในในอสังหาฯ ที่ตอบรับเทรนด์ใหม่อย่าง Data Center และคลังสินค้า เป็นต้น

Global REITs คืออะไร?

REITs (Real Estate Investment Trusts) คือกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ได้โดยไม่ต้องซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยตรง REITs เหล่านี้จะถือครองและบริหารจัดการสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่า ซึ่งทำให้มีลักษณะคล้ายกับหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นประจำ


Global REITs คือการลงทุนใน REITs หลายประเทศทั่วโลก ช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงและมีโอกาสรับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ในแต่ละภูมิภาคที่มีจุดเด่นต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นด้านการเติบโต การท่องเที่ยว เทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมเฉพาะของแต่ละพื้นที่ ทำให้นอกจากจะไม่กระจุกอยู่แค่ในประเทศเดียวแล้ว ยังได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ ควบคู่กันไปอีกด้วย


ทำไมต้องลงทุนใน Global REITs?

  1. โอกาสในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก: การลงทุนใน Global REITs ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย
  2. การกระจายความเสี่ยง: REITs ในแต่ละประเทศมีลักษณะตลาดที่แตกต่างกัน เช่น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ขณะที่ยุโรปเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เป็นตน
  3. แหล่งรายได้ที่มั่นคงจากค่าเช่า: Global REITs มักมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้เช่าระยะยาว เช่น ศูนย์การค้า สำนักงาน โรงแรม หรือศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งมักสร้างรายได้จากค่าเช่าอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

อยากลงทุนใน Global REITs ลงทุนอย่างไร?

  1. การลงทุนโดยตรงผ่านตลาดหุ้นต่างประเทศ
  2. นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ (เช่น ผ่านโบรกเกอร์ในไทยที่มีบริการ Global Trading หรือเปิดบัญชีโดยตรงกับโบรกเกอร์ต่างชาติ) เพื่อเข้าถึงตลาดหุ้นหลักอย่าง NYSE (สหรัฐอเมริกา), LSE (อังกฤษ), หรือ TSE (ญี่ปุ่น)


  3. ผ่านกองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน REITs
  4. นักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน REITs เช่น K-GPROP, K-GINFRA ซึ่งจะคัดสรร REITs ที่มีคุณภาพและกระจายการลงทุนในหลายภูมิภาค บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ ช่วยลดภาระในการวิเคราะห์ข้อมูลของนักลงทุน


แนวทางการวิเคราะห์ Global REITs

แนวทางการวิเคราะห์ดังต่อไปนี้จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความแตกต่างของแต่ละตลาดและประเภทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างชัดเจน


  1. ภูมิภาคที่ลงทุน
    • สหรัฐอเมริกา:
      • ขนาดของ REITs: สหรัฐฯ เป็นตลาด REITs ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (อ้างอิงข้อมูลจาก NAREIT) มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึงกว่า 1.2–1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
      • ลักษณะอสังหาริมทรัพย์: เน้นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น สำนักงานและศูนย์การค้า รวมถึงโรงแรมขนาดใหญ่
      • การเติบโต: ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และมีสภาพคล่องสูง
      • การเติบโต: ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และมีสภาพคล่องสูง
    • ยุโรป:
      • ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพ: หลายประเทศในยุโรปมีกฎเกณฑ์และกฎหมายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้มีความโปร่งใสและมีเสถียรภาพ
      • โครงสร้างพื้นฐานที่ดี: ระบบขนส่งและสาธารณูปโภคแข็งแกร่ง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
      • ความหลากหลายทางเศรษฐกิจ: แต่ละประเทศมีจุดเด่นต่างกัน เช่น เยอรมนีเด่นด้านอุตสาหกรรม ฝรั่งเศสด้านการท่องเที่ยว อังกฤษด้านการเงิน เป็นต้น
      • ปัจจัยเสี่ยง: การเปลี่ยนแปลงนโยบายในสหภาพยุโรป (EU) หรือปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
    • เอเชีย:
      • การเติบโตสูง: ตลาดเกิดใหม่หลายแห่ง เช่น จีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
      • อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก: ประชากรขนาดใหญ่และชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัว กระตุ้นความต้องการศูนย์การค้าและร้านค้าปลีก
      • Data Center: เอเชียเป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางข้อมูลแห่งใหม่ เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุน
      • ปัจจัยเสี่ยง: ความผันผวนของค่าเงิน การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และการเมืองในแต่ละประเทศ
  2. ประเภทของอสังหาริมทรัพย์
    • อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์:
      • สำนักงาน: เน้นทำเลใจกลางเมืองที่มีอัตราการเช่าสูง
      • ห้างสรรพสินค้า: ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อผู้บริโภค และเทรนด์ช้อปปิ้งออนไลน์
      • โรงแรม: มักขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสภาพเศรษฐกิจโลก

      • การวิเคราะห์: ให้พิจารณาอัตราการเช่าพื้นที่ ความสามารถในการปรับค่าเช่า และข้อตกลงสัญญาเช่าระยะยาว


    • อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์:
      • คลังสินค้า: ได้รับประโยชน์จากกระแส E-Commerce และโลจิสติกส์
      • โรงงาน: ขึ้นอยู่กับภาคการผลิตของประเทศ ซึ่งอาจผันผวนตามเศรษฐกิจ

      • การวิเคราะห์: พิจารณาทำเลที่ใกล้ศูนย์กลางการขนส่ง เช่น ท่าเรือ ทางหลวง หรือศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงพิจารณาอัตราการเติบโตของภาคขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ


    • อสังหาริมทรัพย์ด้านสุขภาพ: ผู้เช่าหลักได้แก่ สถาบันการแพทย์ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล คลินิก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home) และโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนด้านสุขภาพอื่น ๆ
      • โรงพยาบาล คลินิก ศูนย์กายภาพบำบัด: มีรายได้ค่อนข้างแน่นอนจากค่ารักษาพยาบาลและการดูแลผู้ป่วย สถาบันการแพทย์เหล่านี้จึงมักทำสัญญาเช่ากับเจ้าของทรัพย์สินเป็นระยะยาว ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าคงที่ในอัตราที่กำหนดและมักจะปรับขึ้นตามสัญญา เช่น การปรับขึ้นค่าเช่าตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้เจ้าของทรัพย์สินได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา จึงสามารถเงินปันผลที่จ่ายออกมาสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจเหมือนธุรกิจอื่น ๆ
      • บ้านพักคนชรา: สังคมผู้สูงอายุเป็น Megatrend สำคัญทั่วโลก เนื่องจากมีความต้องการบริการดูแลสุขภาพระยะยาวมากขึ้นตามโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุทั่วโลก ส่งผลให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home) รวมถึงโรงพยาบาลเฉพาะทางได้รับความนิยมสูงขึ้น

      • การวิเคราะห์: ศึกษากฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ตลอดจนรายได้เฉลี่ยและความสามารถในการจ่ายของผู้ใช้บริการ


      • อสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล: Data Center
        • Data Center: รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี Cloud, Big Data และ AI การวิเคราะห์: พิจารณาทำเลที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการสื่อสารที่มีความเสถียร รวมถึงมาตรการความปลอดภัยของข้อมูล (Cybersecurity)

Global REITs มีดีอย่างไร?

  1. กระจายความเสี่ยงทั้งในแง่ภูมิภาคและประเภทอสังหาริมทรัพย์
    • ความหลากหลายของทำเลและประเทศ: การลงทุนใน Global REITs เป็นการกระจายการลงทุนไปในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น อเมริกา ยุโรป และเอเชีย ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อเศรษฐกิจในประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดความผันผวนจนกระทบต่อการดำเนินงานของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น ๆ
    • กระจายประเภทอสังหาริมทรัพย์: Global REITs จะมีการลงทุนกระจายไปในหลายสินทรัพย์มีทั้งอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม ด้านสุขภาพ และอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล (Data Center) ซึ่งแต่ละประเภทล้วนแล้วแต่มีลักษณะความเสี่ยงและผลตอบแทนแตกต่างกัน จึงสามารถกระจายความเสี่ยงได้ในเชิงโครงสร้างพอร์ตได้เป็นอย่างดี
  2. โอกาสรับรายได้จากค่าเช่าและเงินปันผลที่มั่นคง
    • รายได้จากค่าเช่า: อสังหาริมทรัพย์ในพอร์ตของ REITs มักมีผู้เช่าระยะยาว เช่น สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงาน ทำให้มีการรับรายได้อย่างสม่ำเสมอ
    • ข้อบังคับหรือกฎหมายเรื่องอัตราการจ่ายปันผล: หลายประเทศกำหนดให้กอง REITs จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและคงสถานะเป็น REITs และป้องกันไม่ให้ REITs กักตุนกำไรไว้เกินความจำเป็น ซึ่งข้อกำหนดนี้ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าจะได้รับกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง
  3. ศักยภาพการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว
    • โอกาสเติบโตตามแนวโน้มเศรษฐกิจ: อสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่ดีมักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเติบโต
    • กำไรส่วนเพิ่มจาก Capital Gain: หากบริหารทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตราการเช่าได้สูง มูลค่าของกอง REITs ก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในระยะยาว
  4. ลงทุนง่ายกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยตรง
    • กำไรส่วนเพิ่มจาก Capital Gain: หากบริหารทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตราการเช่าได้สูง มูลค่าของกอง REITs ก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในระยะยาว
    • ลดภาระด้านภาษีและค่าซ่อมแซม: ผู้ถือหน่วยลงทุนจ่ายเพียงค่าบริหารกองตามสัดส่วนเท่านั้น ไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากเหมือนกับการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วยตนเอง
  5. ได้รับประโยชน์จากMegatrend
    • การเติบโตของ E-Commerce: ช่วยกระตุ้นความต้องการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจน Data Center ที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจออนไลน์
    • เชื่อมโยงกับเทรนด์โลก: นอกจาก E-Commerce แล้ว อสังหาริมทรัพย์กลุ่มอื่น เช่น อาคารสำนักงานย่านธุรกิจ หรืออสังหาริมทรัพย์ด้านสุขภาพ ก็เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เติบโตไปกับเมกะเทรนด์ในปัจจุบันอย่างสังคมผู้สูงอายุหรือการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์

ความเสี่ยงของการลงทุนใน Global REITs

  1. ความผันผวนของตลาดอสังหาริมทรัพย์โลก
    • ความเชื่อมโยงกับภาวะเศรษฐกิจ: ราคาหุ้นของ REITs มักขึ้นลงตามการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้พื้นที่อสังหาริมทรัพย์
    • ความผันผวนของอุตสาหกรรม: ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรืออุปสงค์ลดลง ค่าเช่าและอัตราการเช่าอาจปรับตัวลดลง ส่งผลต่อรายได้และกำไร
  2. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
    • ผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินต่างประเทศ: เมื่อลงทุนใน REITs ที่จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศ ค่าเงินอาจแข็งค่าหรืออ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่นักลงทุนใช้เป็นหลัก ทำให้มูลค่าการลงทุนผันผวนเพิ่มเติมนอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐาน
    • ต้นทุนป้องกันความเสี่ยง (Hedging): หากนักลงทุนต้องการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งมีผลต่อผลตอบแทนสุทธิ
  3. การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
    • ต้นทุนการกู้ยืม: REITs ส่วนใหญ่ใช้เงินกู้เพื่อซื้อหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจเพิ่มภาระดอกเบี้ยและส่งผลลบต่อกำไรของ REITs ได้
    • ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับราคา REITs: ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น REITs ที่เน้นจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล อาจถูกมองว่ามีความน่าสนใจลดลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนอาจหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยหรือให้ผลตอบแทนในระดับที่ใกล้เคียงกันแต่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น พันธบัตร
  4. ปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละประเทศ
    • กฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ: แต่ละประเทศมีกฎหมายและนโยบายทางภาษีที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจกระทบต่อโครงสร้างต้นทุนและการกระจายรายได้ของกอง REITs
    • เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ: หากเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่าง ๆ อย่างฉับพลัน อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

คำแนะนำและกองทุนแนะนำ

  1. การจัดสัดส่วนในพอร์ตการลงทุน
    • นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง แนะนำให้ลงทุนใน Global REITs ประมาณ 10-20% ของพอร์ต โดยยังมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ควบคู่กัน เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ หากเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวในบางภูมิภาค
  2. เหตุผลที่ควรลงทุนในช่วงนี้
    • อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงที่หรือลดลง: ช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของ REITs และทำให้ผลตอบแทนปันผลดูน่าสนใจ เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยที่ทรงตัวหรือลดลง
    • ความต้องการอสังหาริมทรัพย์บางประเภท เช่น Data Center และ คลังสินค้า ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของ E-Commerce และธุรกิจออนไลน์อื่น ๆ ซึ่งต้องพึ่งพาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและการจัดเก็บสินค้า ทำให้ REITs ที่เน้นลงทุนในกลุ่มดังกล่าวมีโอกาสเติบโตได้ดี
  3. ตัวอย่างกองทุนที่ลงทุนใน Global REITs
    • K-GPROP กองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Janus Henderson Horizon Global Property Equities Fund ที่ลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เน้นการคัดเลือก REITs ที่มีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง
    • K-GINFRA กองทุนลงทุนในกองทุนของ Wellington Enduring Assets Fund ที่เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทั่วโลก เช่น บริษัทที่อยู่ในหมวดสาธารณูปโภค การขนส่ง พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าอุตสาหกรรม จึงมีรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ
    • K-PROPI หรือ K Property Infrastructure Flexible Fund มุ่งเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยและต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับรายได้จากค่าเช่า
กองทุน
จุดเด่น
Top 5 Holdings
K-GPROP
เน้นลงทุนอสังหาฯ ทั่วโลก ผ่านกองหลักที่เชี่ยวชาญ (Janus Henderson)
  • Equinix ผู้นำด้าน Data Center REIT ระดับโลก
  • Realty Income กอง REIT ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าระยะยาว (ส่วนใหญ่เป็นร้านสะดวกซื้อและธุรกิจบริการ)
  • Public Storage หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการพื้นที่เก็บของ (Self-Storage) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
  • Goodman Group กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากออสเตรเลีย เน้นพัฒนาและลงทุนในอสังหาฯ ประเภทโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม (คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า) โดยมีเครือข่ายทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกาเหนือ
  • Prologis หนึ่งใน REIT ด้านอสังหาริมทรัพย์โลจิสติกส์รายใหญ่ของโลก บริหารและพัฒนาคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าสำหรับบริษัท E-Commerce และผู้เช่าทั่วโลก
K-GINFRA
กระจายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลากหลาย เน้นรับรายได้มั่นคงในระยะยาว
  • Williams Cos Inc บริษัทพลังงานสัญชาติสหรัฐฯ ที่เน้นธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ครอบคลุมการผลิต การแปรรูป และการขนส่งผ่านท่อ (Pipeline) ในหลายภูมิภาคของสหรัฐฯ
  • Targa Resources Corp บริษัทพลังงานจากสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรวบรวม แปรรูป ขนส่ง และจัดเก็บของเหลวจากก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas Liquids: NGLs) ให้บริการครบวงจรด้าน Midstream
  • Sempra หนึ่งในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และโครงข่ายพลังงานในอเมริกาเหนือ เน้นความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
  • Aena SME SA (Spain) บริษัทผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการสนามบินรายใหญ่ที่สุดของสเปน และเป็นหนึ่งในเครือข่ายสนามบินใหญ่ที่สุดในโลก ดูแลตั้งแต่สนามบินหลักอย่างมาดริด บาร์เซโลนา ไปจนถึงสนามบินภูมิภาค
  • Atmos Energy Corp บริษัทสาธารณูปโภคก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ ให้บริการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับครัวเรือนและธุรกิจในหลายรัฐ โดดเด่นด้านโครงข่ายท่อส่งและการกระจายก๊าซทั่วพื้นที่ให้บริการ
K-PROPI
ลงทุนได้ทั้งในประเทศไทย/นอกประเทศ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากหลายตลาดอสังหาฯ
  • FTREIT “Frasers Property Thailand Industrial Freehold & Leasehold REIT” เป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ (คลังสินค้า โรงงาน) ทั่วประเทศไทย บริหารโดยกลุ่ม Frasers Property Thailand
  • 823.HK หรือ Link REIT (The Link Real Estate Investment Trust) กองทรัสต์รายใหญ่ในฮ่องกง เน้นลงทุนในศูนย์การค้า คาร์พาร์ก (ที่จอดรถ) และอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ที่เชื่อมกับโครงการบ้านพักในฮ่องกง ถือเป็น REIT ที่มีมูลค่าตลาดสูงแห่งหนึ่งในเอเชีย
  • WHART “WHA Premium Growth Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust” เน้นลงทุนในคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า (Logistics Properties) ในเครือ WHA Group ของไทย ได้รับความสนใจจากธุรกิจ E-Commerce และโลจิสติกส์
  • AREIT.SP “Ascendas REIT” หนึ่งใน REIT ที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ ลงทุนในอสังหาฯ ประเภทพื้นที่สำนักงาน (Business Park) โรงงานอุตสาหกรรม และศูนย์กระจายสินค้าทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริหารโดย CapitaLand Group
  • AXTRART “Axis Real Estate Investment Trust” (AXIS REIT) กอง REIT จากประเทศมาเลเซีย เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า อาคารสำนักงาน โรงงาน รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคต่าง ๆ ของมาเลเซีย


กราฟ : เปรียบเทียบผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ และกองทุน Global REITs ในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2020 – 31 ธ.ค. 2024



ที่มา : Bloomberg


คำเตือน


ผู้เขียน

K WEATLHวรสุดา ใช้เทียมวงศ์ CFP®

Back to top