ทรัมป์” ลงนาม ขึ้นภาษีเม็กซิโก-แคนาดา 25% และขึ้นภาษีจีน 10%
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 10% ถือเป็นการลงนามในนโยบายเศรษฐกิจที่ทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ว่าจะลงมือทำ
ฝ่ายบริหารของทรัมป์กล่าวว่า ภาษีนำเข้าสินค้าเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการไหลเข้าของยาเฟนทานิลและผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารเข้าสู่สหรัฐฯ
โดยสัดส่วนการนำเข้าที่ได้รับผลกระทบคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 43% ของมูลค่ารนำเข้าทั้งหมด หรือประมาณเกือบ 5% ของ GDP สหรัฐฯ
ในส่วนของเม็กซิโก และแคนาดา กระทบมูลค่าการส่งออกดังกล่าวกว่า 16% และ 14% ต่อ GDP ขณะที่จีนคิดเป็น 2.3% ของ GDP
ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงรุนแรง โดยเฉพาะในเอเชียเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานจากไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นไปยังเม็กซิโกก่อนส่งสินค้าสำเร็จรูปไปสหรัฐฯ
Nasdaq -1.26%
S&P 500 -0.76%
Dow Jones -0.27%
Euro Stoxx 50 -1.26%
TWSE -3.97%
KOSPI -2.99%
NIKKEI 225 -2.42%
SET -2.17%
HSCEI -0.42%
กองทุนที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. กองทุน Schroder ISF Glb Em Mkt Opps A Acc USD ปรับตัวลดลง -3.17% ซึ่งอาจส่งผลให้ NAV ของกองทุน K-GEMO เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน เนื่องจาก K-GEMO ลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นหลัก
"ทรัมป์" สั่งพักขึ้นภาษี 1 เดือน แคนาดา-เม็กซิโก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาม เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากเธอกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีข้อตกลงกันในประเด็นชายแดน
เชนบามระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการที่เม็กซิโกจะส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติไปเสริมกำลังในพื้นที่ชายแดนอีก 10,000 นายในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะยาเฟนทานิล (fentanyl) ยาแก้ปวดที่ถูกใช้เป็นสารเสพติดในสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับแคนาดา ที่นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เลื่อนแผนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาต่อไปอีกอย่างน้อย 30 วัน
แคนาดายังสัญญาว่าจะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าเฟนทานิลและเพื่อเป็นการเฝ้าระวังพรมแดนระหว่างสองประเทศอย่างถาวร และการยกระดับความร่วมมือกับสหรัฐฯ รวมถึงวางกำลังเจ้าหน้าที่เกือบ 10,000 คน เพื่อดูแลชายแดนระหว่างสองประเทศ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเตือนด้วยว่า จะตั้งกำแพงภาษีการค้ากับสหภาพยุโรป เนื่องจากเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 12 ล้านล้านบาท
ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก นำไปสู่ความคาดหวังว่าตลาดหุ้นทั่วโลกอาจปรับตัวขึ้นตามเช่นกัน
KOSPI +1.65%
TWSE +0.91
NIKKEI 225 +1.41%
SET +0.51%
HSCEI +3.51
มุมมองการลงทุน
K WEALTH ยังคงมีมุมมองที่เป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย โดยให้คำแนะนำดังนี้
นักลงทุนปัจจุบัน : ประเมินสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นเอเชีย หากมีสัดส่วนเกิน 30% ของพอร์ต อาจพิจารณาปรับลดความเสี่ยง
นักลงทุนใหม่ : อาจพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงไปยังกองทุนในประเทศหรือกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูงอย่างเช่น เวียดนาม, กลุ่มธุรกิจสุขภาพ หรือโครงสร้างพื้นฐาน
- ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
- สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
- หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
- กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
- กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
- หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
- กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
- กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg