-
• ความอิสระและความยืดหยุ่นของอาชีพฟรีแลนซ์ ทำให้คนรุ่นใหม่หลายคนเลือกเดินในเส้นทางนี้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความไม่แน่นอนด้านรายได้และการขาดสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ซึ่งอาจกระทบเงินออมอย่างมากหากเจ็บป่วย
-
• การทำประกันสุขภาพเป็นทางเลือกหนึ่งในการบริหารความเสี่ยง โดยผู้ทำอาชีพฟรีแลนซ์ควรศึกษาและเปรียบเทียบแผนประกันต่างๆ ให้เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานและความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน เพื่อสร้างหลักประกันด้านสุขภาพในระยะยาว
หากพูดถึงอาชีพที่กำลังมาแรงในยุคดิจิทัล "ฟรีแลนซ์" หรือ "อาชีพอิสระ" คงเป็นหนึ่งในอาชีพที่หลายคนให้ความสนใจ ด้วยความยืดหยุ่นในการทำงาน มีอิสระในการบริหารเวลา และโอกาสในการสร้างรายได้อย่างไม่จำกัด แต่อีกด้านหนึ่งที่ฟรีแลนซ์ต้องรับมือคือ การดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลรองรับเหมือนพนักงานประจำ
เหมือนในภาพยนตร์เรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ซึ่งเป็นเรื่องราวของฟรีแลนซ์ที่ทำงานรีทัชรูป แต่งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำให้เริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามตัวและตามร่างกายจึงต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การเป็นฟรีแลนซ์แม้จะมีอิสระในการทำงาน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความไม่แน่นอนของรายได้และการขาดสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล หากเจ็บป่วยกะทันหันหรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอาจกระทบต่อเงินออมที่มี
ความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ฟรีแลนซ์ต้องระวัง
ฟรีแลนซ์มักต้องเผชิญปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการทำงาน เช่น
- อาการออฟฟิศซินโดรมจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ความเครียดจากการทำงานภายใต้กำหนดเวลา
- ปัญหาสายตาจากการจ้องหน้าจอ
- โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) จากพฤติกรรมการทำงานและการพักผ่อนไม่เป็นเวลา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น นอกจากนี้ ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ยิ่งทำให้ฟรีแลนซ์ต้องวางแผนการเงินอย่างรัดกุมมากขึ้น
ทำไมฟรีแลนซ์ควรมีประกันสุขภาพ
การมีประกันสุขภาพช่วยฟรีแลนซ์ลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นทุกปี สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพในโรงพยาบาลชั้นนำ และสร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยเงินชดเชยรายได้ระหว่างที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย การขาดรายได้ และสามารถวางแผนการเงินระยะยาวได้ดีขึ้น
D Health Easy Care: ทางเลือกที่ใช่สำหรับชาวฟรีแลนซ์
K WEALTH ขอแนะนำ “ประกันชีวิตและสุขภาพ D Health Easy Care” แพ็กเกจประกันสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นสำคัญ ได้แก่
- ความคุ้มครองครอบคลุม
- คุ้มครองครบทั้งกรณีผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก และชดเชยรายได้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในสูงสุด 700,000 บาทต่อครั้ง และไม่จำกัดวงเงินต่อปี
- รับเงินก้อนเพิ่ม เมื่อตรวจเจอมะเร็งทุกระยะ สูงสุดถึง 700,000 บาท
- คุ้มครองค่าห้องจ่ายตามจริงสำหรับห้องเดี่ยวมาตรฐานทุกโรงพยาบาล
- คุ้มค่าด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 1,229 บาทต่อเดือน (ตัวอย่างเบี้ยประกันภัยสำหรับเพศชาย อายุ
21 ปี แผน IPD 200,000)
- เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามความต้องการ
- ชำระเบี้ยประกันแบบรายเดือนได้ เพื่อยืดหยุ่นตามรายได้
- นำค่าเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
ที่สำคัญคือ สมัครง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับฟรีแลนซ์
นอกจากการทำประกันสุขภาพแล้ว K WEALTH แนะนำให้ฟรีแลนซ์วางแผนการเงินและดูแลสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ดังนี้
- เก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน
- ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพประจำปี
- พิจารณาทำประกันโรคร้ายแรงเพิ่มเติม
- วางแผนการออมเพื่อเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ
สำหรับฟรีแลนซ์ การมีประกันสุขภาพที่ดีไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในยามเจ็บป่วย แต่ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลรักษาที่ดีที่สุดเมื่อต้องการ ลงทุนกับการดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ เพื่อความอุ่นใจ สบายใจในวันข้างหน้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันชีวิต
.