ประเด็นร้อน: หุ้นจีนบวกแรง หลังตัวเลขการบริโภคช่วงตรุษจีนออกมาดีกว่าคาด

  • ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นจากการฟื้นตัวของการบริโภคหลังตรุษจีน: การบริโภคภายในประเทศมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการเดินทางในทุกช่องทาง ยอดค้าปลีกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นำโดยความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ อุตสาหกรรมบันเทิง เช่น รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ และการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน ยังสะท้อนแนวโน้มเชิงบวกต่อภาคการบริโภคโดยรวม
  • แนวโน้มตลาดหุ้นจีน: K WEALTH ยังคงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นจีน เนื่องจากการปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากความคาดหวังที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งช่วยลด downside ของตลาด แนวโน้มการฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากระดับมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ รวมถึงมาตรการเชิงรุกของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงจากนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ตัวเลขการบริโภคของจีนขยายตัวดีกว่าคาดหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงปรับตัวขึ้นแรง โดยดัชนี Hang Seng +4.49% CSI300 +1.98% และ China A50 +0.92% ตามลำดับ หลังตัวเลขการใช้จ่ายระหว่างเทศกาลตรุษจีนสะท้อนสัญญาณบวกจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ดังนี้


  1. ยอดการเดินทางภายในประเทศพุ่งสูง
  2. ปีนี้พบว่าปริมาณผู้โดยสารโดยรวมเพิ่มขึ้น 7.6% (YoY) และฟื้นตัวเกินระดับก่อนโควิดเมื่อปี 2019 ถึง 121.5% โดยแบ่งออกเป็น


    • การเดินทางทางถนนเพิ่มขึ้น 7.7% (YoY) โดยมีผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางเพิ่มขึ้น 6.8% (YoY)
    • การเดินทางทางรางเพิ่มขึ้น 7.0% (YoY) เนื่องจากความสะดวกและค่าโดยสารที่แข่งขันได้
    • การเดินทางทางน้ำขยายตัว 8.2% (YoY) สะท้อนการกลับมาของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการท่องเที่ยวภายในประเทศ
    • การเดินทางทางอากาศเติบโต 6.4% (YoY) แม้ต้นทุนตั๋วเครื่องบินจะสูงขึ้น
  3. ยอดขายปลีกเติบโต
  4. ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่การจับจ่ายใช้สอยพุ่งสูง โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องใช้ไฟฟ้า


    • ยอดขายในร้านค้าหลักและร้านอาหารเพิ่มขึ้น 5.4% (YoY) ซึ่งดีกว่าการเติบโตเฉลี่ยของยอดขายปลีกในไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่ต่ำกว่าระดับ 4% (YoY)
    • ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือขยายตัวมากกว่า 10% (YoY) เนื่องจากแรงจูงใจจากโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเก่าเป็นสินค้าใหม่ที่รัฐบาลส่งเสริม
  5. บ็อกซ์ออฟฟิศทำลายสถิติ
    • มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์สูงถึง 9.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 16.7% (YoY)
    • จำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 12.7% (YoY) สะท้อนความนิยมของคอนเทนต์ภาพยนตร์ในประเทศ
  6. การท่องเที่ยวระหว่างประเทศฟื้นตัวขึ้น
    • จำนวนผู้เดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 6.3% (YoY)
    • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าจีนเพิ่มขึ้น 22.9% (YoY) โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบาย 240 ชั่วโมง Visa-Free Transit และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว
    • เที่ยวบินระหว่างประเทศขยายตัว 38.6% (YoY) โดยประเทศที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย

มุมมองการลงทุน

K WEALTH ยังคงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นจีน เนื่องจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นจีนมาจากความคาดหวังที่อยู่ในระดับต่ำ และแม้การใช้จ่ายช่วงตรุษจีนจะเติบโตสูง แต่ความมั่นใจผู้บริโภคต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยังเป็นปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน ดังนั้นแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด


อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นสัญญาณความจริงจังมากขึ้นจากรัฐบาลจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และบรรเทาปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยจำกัด downside ของตลาดหุ้นจีน เราคาดว่าตลาดจีนจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก Valuation ที่น่าสนใจและมาตรการกระตุ้นเชิงรุกของภาครัฐ แม้ว่ายังมีความเสี่ยงจากนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ไม่แน่นอน


คำแนะนำสำหรับกองทุนหุ้นจีน ดังนี้

ผู้ที่ถือกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นจีน แนะนำถือต่อ


ผู้ที่ถือกองทุนที่ไม่มีสัดส่วนหุ้นจีน แนะนำรอจังหวะ หรือลงทุนกองทุนแนะนำอื่น


โดยมีคำแนะนำในกองทุนแนะนำ มีดังนี้

  • ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้t
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-USA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมรับทุกโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจสหรัฐฯ
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
  • สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
    • หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
      • กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
      • กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
  • หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
    • กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
    • กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg


คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM, K-GINFRA, K-USA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหรือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด

ผู้เขียน

K WEALTHธนธัช เอนกลาภากิจ

Back to top