-
ดัชนี SET Index ปรับตัวลง 1.32% ถูกกดดันด้วยหุ้นที่ขึ้นเครื่องหาย XD ในกลุ่มพลังงานและกลุ่มสื่อสาร เช่น GULF, ADVANC และ INTUCH นอกจากนี้ยังมีความกังวลข่าว "โดนัลด์ ทรัมป์" ขู่ขึ้นภาษีนำเข้า
-
K WEALTH ยังคงมีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงการเทขายทำกำไรในระยะสั้นกับหุ้นที่มีการจ่ายปันผล โดยระดับมูลค่า (อัตราส่วน P/E) เพิ่มขึ้นมาแตะระดับค่าเฉลี่ย 10 ปี อาจสะท้อนปัจจัยบวกจากภาพการลงทุนใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว
SET ปิดลบ 16.66 จุด กดดันจากหุ้นขึ้น XD – กังวลนโยบายภาษีทรัมป์
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,332.45 จุด ลดลง 16.66 จุด (-1.32%) จากวันก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 56,000 ล้านบาท โดยตลาดถูกกดดันจากแรงขายในหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-Dividend) รวมถึงปัจจัยลบจากต่างประเทศ
ปัจจัยกดดันตลาด
- แรงขายจากหุ้นที่ขึ้น XD
หุ้น ADVANC เผชิญแรงขายหลังขึ้น XD เพื่อเตรียมจ่ายเงินปันผล
หุ้น GULF และ INTUCH ถูกเทขายหนักหลังขึ้น XD
หุ้น TRUE และ PTTEP ก็ได้รับแรงกดดันจากจิตวิทยาเชิงลบ
- ความกังวลต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
นักลงทุนกังวลข่าว "โดนัลด์ ทรัมป์" ขู่ขึ้นภาษีรถยนต์, เซมิคอนดักเตอร์ และยา ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน 2025 ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศร่วงลงและส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในไทย
กลุ่มหุ้นที่กดดันตลาด
กลุ่มพลังงาน: GULF (-9.29%), PTTEP (-1.95), GPSC (-1.32%)
กลุ่มสื่อสาร: INTUCH (-10.33%), ADVANC (-4.07%), TRUE (-3.03%)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
นักลงทุนยังต้องจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งอาจมีทิศทางที่ส่งผลต่อตลาดต่อไป
มุมมองการลงทุน
K WEALTH ยังคงมีมุมมองที่เป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงการเทขายทำกำไรในระยะสั้นกับหุ้นที่มีการจ่ายปันผล โดยระดับมูลค่า (อัตราส่วน P/E) เพิ่มขึ้นมาแตะระดับค่าเฉลี่ย 10 ปี อาจสะท้อนปัจจัยบวกไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับปัจจัยหนุนดัชนี SET ในปี 2025 จะต้องติดตามปัจจัยหนุนอื่นๆ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
คำแนะนำ
นักลงทุนปัจจุบัน : ประเมินสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย หากมีสัดส่วนเกิน 30% ของพอร์ต อาจพิจารณาปรับลดความเสี่ยง หรือหากมีสัดส่วนน้อยกว่า 30% ของพอร์ต แนะนำคงสัดส่วนการลงทุนเดิม
นักลงทุนมือใหม่ : พิจารณาและประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
- แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
- สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
- หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
- กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
- กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
- หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
- กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
- กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg