ตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยสนับสนุนใหม่ทั้งภายในและภายนอกที่จะทำให้ EPS กลับมาเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน จึงคาดว่าภาครัฐจะใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้

ประเด็นร้อน: ปัจจัยภายในซ้ำ ปัจจัยภายนอกเติม กดดันหุ้นไทยร่วงใกล้แตะ 1,200 จุด

ตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยสนับสนุนใหม่ทั้งภายในและภายนอกที่จะทำให้ EPS กลับมาเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน จึงคาดว่าภาครัฐจะใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้

กดฟัง
หยุด
  • ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงหนักเมื่อวันอังคาร 25 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา โดยดัชนี SET ปรับตัวลง 2.38% มาที่ระดับ 1,206.39 จุด โดยมีกดดันจากทั้งประเด็นสงครามการค้า แรงเทขายจากโปรแกรมเทรดดิ้งและการทำช็อตเซล การไถ่ถอนกองทุน LTF และนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจและผลประกอบการ
  • ตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยสนับสนุนใหม่ทั้งภายในและภายนอกที่จะทำให้ EPS กลับมาเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน จึงคาดว่าภาครัฐจะใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้ ดังนั้น K WEALTH จึงมีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นไทย

ปัจจัยกดดันทุกทาง ส่งตลาดหุ้นไทยร่วง 2.38% ใกล้แตะ 1,200 จุด

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงหนักเมื่อวันอังคาร 25 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา โดยดัชนี SET ปรับตัวลง 2.38% มาที่ระดับ 1,206.39 จุด โดยมีทั้งปัจจัยกดดันจากทั้งภายนอกและภายใน ดังนี้


  • ตลาดหุ้นไทยรับแรงกดดันจากทั่วภูมิภาคเอเชียกังวลประเด็นสงครามการค้า
  • แต่มีแรงกดดันภายในเพิ่มเติมด้วยแรงเทขายจากโปรแกรมเทรดดิ้งและการทำช็อตเซล การไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนด
  • ประกอบกับนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจและผลประกอบการซึ่งมีหลายบริษัทเปิดเผยออกมาต่ำกว่าคาดการณ์

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 26 ก.พ. 68 :ซึ่งหากมีมติลดดอกเบี้ยจะเป็น Sentiment บวกในระยะสั้นให้ตลาดได้


มุมมองการลงทุน

ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงมาส่งให้อัตราส่วน P/E มาอยู่ที่ 16.42 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 19.6 เท่า แต่นักวิเคราะห์ยังปรับประมาณการ EPS ในปี 2568 ลงอย่างต่อเนื่อง หลังไร้ปัจจัยสนับสนุนใหม่ทั้งภายในและภายนอกที่จะทำให้ EPS กลับมาเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน


อย่างไรก็ตามคาดว่าทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยและรัฐบาลจะใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้ จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา K WEALTH ยังมีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นไทย


คำแนะนำสำหรับกองทุนหุ้นไทย ดังนี้

ผู้ที่ถือกองทุนที่มีสัดส่วนในกองทุนหุ้นไทย หากมีสัดส่วนเกิน 30% ของพอร์ต อาจพิจารณาปรับลดความเสี่ยง หรือหากมีสัดส่วนน้อยกว่า 30% ของพอร์ต แนะนำคงสัดส่วนการลงทุน


สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสัดส่วนในกองทุนหุ้นไทย แนะพิจารณาลงทุนกองทุนแนะนำอื่น


โดยมีคำแนะนำในกองทุนแนะนำ มีดังนี้

  • ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-USA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมรับทุกโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจสหรัฐฯ
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
    • แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

  • สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
    • หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
      • กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
      • กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
  • หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
    • กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
    • กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg


คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM, K-GINFRA, K-USA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหรือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด

ผู้เขียน

KWEALTHวีรพล บางแวก

Back to top