การลงทุนในแบรนด์เนมช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาว โดย KT-LUXURY-A โฟกัสที่หุ้น Luxury Brand ที่แบรนด์มีความ Exclusive ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งทั่วๆไป ผู้บริโภคมีการซื้อซ้ำและบอกต่อช่วยสร้างการเติบโตของรายได้

อยากรวยแบบเจ้าของแบรนด์? ลงทุนทางนี้เลย!

การลงทุนในแบรนด์เนมช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาว โดย KT-LUXURY-A โฟกัสที่หุ้น Luxury Brand ที่แบรนด์มีความ Exclusive ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งทั่วๆไป ผู้บริโภคมีการซื้อซ้ำและบอกต่อช่วยสร้างการเติบโตของรายได้

กดฟัง
หยุด



  • ความแตกต่างหลักระหว่างกองทุน KT-LUXURY-A และ TBRAND คือ 1) KT-LUXURY-A โฟกัสที่หุ้น Luxury Brand ขณะที่ TBRAND เน้นลงทุนผ่านแบรนด์ดังทั่วโลก 3 ประเภทได้แก่ Global Brand, Digital Brand หรือ Upcoming Brand และ 2) KT-LUXURY-A มีสัดส่วนการลงทุนในยุโรปมากกว่า
  • ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา TBRAND ทำผลตอบแทนได้ดีกว่า KT-LUXURY-A เนื่องจากกองทุนหลักมีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีที่ราคาปรับตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะหุ้น Magnificent 7 ที่ทำผลตอบแทนได้ดีในสัดส่วนที่สูงกว่า แต่นับแต่ต้นปีเริ่มกลับมา Underperform เพราะตลาดเริ่มเกิด Sector Rotation ไปยังหุ้นกลุ่มอื่นนอกจากกลุ่มเทคโนโลยี
  • K WEALTH แนะนำลงทุน KT-LUXURY-A มองว่าตลาดจะเริ่มสับเปลี่ยนหน้าหุ้นไปยัง Sector อื่นๆนอกเหนือจาก Technology จึงน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า TBRAND และราคาหุ้นยัง Laggard โดยลงทุนเพิ่มเติมจากสัดส่วนหลัก (Core Portfolio) K-WealthPLUS Series ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP หรือ K-WPULTIMATE

ที่มาของธีมลงทุนผ่านแบรนด์ดังทั่วโลก

เราคงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จมาพอสมควร ซึ่งความสามารถในการแข่งขันที่เหนือคู่แข่งเป็นปัจจัยความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้ แล้วความสามารถนี้มีอะไรได้บ้าง? อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่ดีกว่า ตั้งราคาได้ต่ำกว่า มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพราะการที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของแบรนด์หนึ่งๆ แล้วใช้ไปจนเกิดความประทับใจ ลูกค้าอาจไม่เพียงแต่ซื้อซ้ำ แต่จะยังช่วยบอกต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นแก่คนรอบข้าง นำมาสู่ยอดขายที่เติบโตขึ้น และหากสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นๆ หาสินค้าอื่นมาทดแทนได้ยาก บริษัทก็สามารถขึ้นราคาขายโดยที่ลูกค้าก็ยังเต็มใจที่จะซื้อ วันนี้ K WEALTH จะพามาเจาะลึก 2 กองทุนที่คัดเลือกหุ้นลงทุนโดยใช้แบรนด์เป็นเกณฑ์ในการพิจารณากันครับ


KT-LUXURY-A vs TBRAND

เริ่มจาก KT-LUXURY-A จากบลจ.กรุงไทย ซึ่งลงทุนผ่านกองทุนหลัก “Pictet Premium Brands I USD” กองทุนนี้เน้นคัดเลือกหุ้นที่แบรนด์มีความ Exclusive ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งทั่วๆไป หรือ Premium Brand โดยบริษัทเหล่านี้มีอำนาจในการตั้งราคาขาย ยกตัวอย่างเช่น Hermes และ Ferrari โดยผู้จัดการกองทุนเริ่มจากการคัดเลือกหุ้นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคกว่า 500 บริษัท แล้วจึงคัดเลือกหุ้นที่เข้าเกณฑ์ตัวอย่างข้างต้นรวมถึงพิจารณาในแง่ฐานะการเงินของบริษัทรวมถึงความเสี่ยงก่อนเลือกลงทุนเพียง 30-50 หลักทรัพย์ สัดส่วนการลงทุนเน้นหนักไปที่กลุ่ม Consumer Discretionary โดยลงทุนมากกว่าดัชนี MSCI ACWI ถึง 60% ขณะที่มีสัดส่วนหุ้นกลุ่ม Technology น้อยกว่าดัชนี MSCI ACWI ถึง 30% และหากดูสัดส่วนการลงทุนตามภูมิประเทศจะพบว่า KT-LUXURY-A ลงทุนในหุ้นยุโรปมากกว่า MSCI ACWI ราว 40% ขณะที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่น้อยกว่า MSCI ACWI ถึง 20% แต่เนื่องจากกองทุนโฟกัสการลงทุนในกลุ่มสินค้าแบรนด์หรู ที่ช่วงก่อนวิกฤติ COVID-19 รายได้เติบโตดีจากภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะจีน ทำให้ระยะหลังกองทุนนี้มีความผันผวนตาม Sentiment ตลาดหุ้นจีนพอสมควร


มาต่อกันที่ TBRAND จากบลจ.ทิสโก้ ลงทุนผ่านกองทุนหลัก “LO World Brands Hdg N USD” มีเกณฑ์ในการเลือกหุ้น 3 ข้อ คือเป็น Global Brand, Digital Brand หรือ Upcoming Brand ยกตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน เช่น LVMH, Microsoft และ On Holding ตามลำดับ โดยกองทุนหลักมี Universe สำหรับการลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับแบรนด์ที่ 400 บริษัท ก่อนพิจารณาฐานะการเงินและความเสี่ยงของบริษัท เช่นเดียวกับกองแม่ KT-LUXURY และเลือกลงทุน 30-60 หลักทรัพย์ใกล้เคียงกัน


ในแง่ของสัดส่วนการลงทุน จุดที่เหมือนกันคือเน้นลงทุนกลุ่ม Consumer Discretionary โดย TBRAND ลงทุนกลุ่มนี้สัดส่วนประมาณ 40% ของพอร์ต ขณะที่จุดแตกต่างระหว่าง 2 กองทุนนี้คือ 1) ในการคัดเลือกหุ้นลงทุน กองแม่ TBRAND มีการวิเคราะห์แบบ Top-Down ร่วมด้วย 2) TBRAND มีสัดส่วนหุ้นกลุ่ม Technology ในพอร์ตที่ประมาณ 20% ซึ่งมากกว่าสัดส่วนที่กองแม่ KT-LUXURY ลงทุน และ 3) TBRAND มีสัดส่วนลงทุนหุ้นสหรัฐฯ มากกว่า โดยคิดเป็นประมาณ 67% ของกองทุน การมีหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้น Magnificent 7 ในพอร์ตมากกว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กองทุนหลัก TBRAND ทำผลตอบแทนได้ดีกว่ากองทุนหลัก KT-LUXURY ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา


ภาพที่ 1 เปรียบเทียบลักษณะการลงทุนของกองทุนหลัก KT-LUXURY-A และ TBRAND


ที่มา Investment Product Management Chapter KBank ณ วันที่ 31 ม.ค. 2025


ภาพที่ 2 เปรียบเทียบผลการดำเนินงานกองทุนหลัก KT-LUXURY-A และ TBRAND


ที่มา Pictet และ Lombard Fund Factsheet ณ วันที่ 31 ม.ค. 2025


ภาพที่ 3 พอร์ตการลงทุนปัจจุบันของ Pictet Premium Brands I USD กองทุนหลัก KT-LUXURY-A



ที่มา Pictet ณ วันที่ 31 ม.ค. 2025


ภาพที่ 4 พอร์ตการลงทุนปัจจุบันของ LO World Brands Hdg N USD กองทุนหลัก TBRAND



ที่มา Lombard ณ วันที่ 31 ม.ค. 2025


คำแนะนำการลงทุน

K WEALTH มองว่าตลาดจะเริ่มสับเปลี่ยนหน้าหุ้นจากหุ้นขนาดใหญ่ไปลงทุนหุ้นขนาดกลางเล็กมากขึ้น รวมถึงกระจายการลงทุนไปยัง Sector อื่นๆนอกเหนือจาก Technology เราจึงมองว่า KT-LUXURY-A มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า เนื่องจากเน้นหุ้นในกลุ่ม Consumer Discretionary และมีสัดส่วนหุ้น Magnificent 7 ที่น้อยกว่า TBRAND ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีก่อนหน้าที่ 2 กองทุนนี้ทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกัน จึงแนะนำลงทุน KT-LUXURY-A* โดยลงทุนไม่เกิน 30% ของพอร์ตการลงทุน เพิ่มเติมจาก Core Portfolio ที่ K WEALTH แนะนำลงทุนในกองทุนผสม K-WealthPLUS Series* ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP หรือ K-WPULTIMATE โดยเลือกเพียง 1 กองตามความเสี่ยงและความผันผวนที่ลูกค้ารับได้


คำเตือน

* โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากบลจ. กสิกรไทย (KASSET) และบลจ. กรุงไทย (KTAM)

ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ผู้เขียน

KWEALTHสุกฤษฎิ์ กิตติธนโสภณ

Back to top